ดาราหนุ่ม สูญเสียคนที่รัก ในวันที่ตัวเองไปเป็นทหารปกป้องประเทศ




จากกรณีที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ริว ภาสกร นิยติวัฒน์ชาญชัย พระเอกดาวรุ่งจากซีรีส์วายเรื่อง “OUR DAYS รักได้ไหมนายไม่ยิ้ม” ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเจ้าตัวได้ตัดสินใจสมัครเข้ารับราชการทหาร และไปเป็นทหารแนวหน้า เพื่อปกป้องประเทศไทย




ล่าสุด หนุ่มริว เจอข่าวเศร้า โดยโพสต์อินสตาแกรม @passakon_rew โพสต์ข้อความอำลา คุณยาย ระบุข้อความบอกว่า “หนูมาหาแล้วนะคุณ มานิตย์ ขอโทษที่หนูไม่ได้อยู่ด้วยในวันที่หนูควรอยู่ ไม่ได้ช่วยงาน ไม่ได้ช่วยต้อนรับแขก ไม่ได้ช่วยแม่ ช่วยลุง ป้า น้า


ทำหน้าที่หลาน วันที่ คุณมานิตย์ สร้อยสาย ได้เดินทางไปข้างหน้าเป็นวันเดียวกับที่ผมต้องเดินทางไปปฏิบัติภารกิจ จึงไม่ได้มีโอกาสได้ร่ำลาหรือร่วมพิธีใดๆ แต่หนูหวังว่า ยาย จะภูมิใจในตัว ไอ้ริว ได้เติบโต ทำหน้าที่ของเด็กผู้ชายคนหนึ่งครบแล้ว ทำได้อย่างที่สัญญาทุกอย่างเลย


หนู รัก ยาย นะครับ แล้วก็อย่าลืมขอเลขตรง ๆ สักชุดเดียวทำบ้านให้หลังใหญ่เลย” ซึ่งหลังจากนั้นก็มีแฟนๆ ที่ยังคอยติดตามข่าวของนักแสดงหนุ่ม พากันเข้ามาร่วมแสดงความเสียใจกัน อาทิ แสดงความเสียใจด้วยนะ น้องริว, ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ริว เก่งมาก ๆ คุณยาย ต้องภูมิใจมาก ๆ แน่นอนครับ

อนุทิน เผย ครม.พร้อมยกเลิก ถ้า MOU43-44 ไม่มีประโยชน์กับไทย



เมื่อเวลา 08.48 น. วันที่ 30 กันยายน 2568 ที่อาคารรัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมาถึงเพื่อเข้าร่วมประชุมร่วมรัฐสภา โดยก่อนเข้าสู่ห้องประชุม นายอนุทินได้ทำความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ จากนั้นให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงภาพรวมการแถลงนโยบายรัฐบาลในวันแรก




นายอนุทินกล่าวว่า การประชุมร่วมรัฐสภาครั้งนี้ได้รับข้อเสนอแนะ ข้อคิด และคำติติงจากสมาชิกทั้งสองสภา ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้จดบันทึกไว้ และจะนำไปพิจารณาปรับใช้ตามความเหมาะสม พร้อมย้ำว่า รัฐบาลมีเวลาเพียง 4 เดือนในการทำงาน จึงจำเป็นต้องเดินหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงยึดหลักความถูกต้อง โปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุด


ไม่มีคำว่ารีบร้อน มีแต่ทำเร็วอย่างถูกต้องตามขั้นตอน นายอนุทินกล่าว

ถามถึงข้อกังวลว่า การดำเนินงานของรัฐบาลอาจถูกมองว่าเป็นการหาเสียงล่วงหน้า นายอนุทินตอบว่า การอภิปรายในสภาไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ต่างก็พูดให้ประชาชนฟัง ถือเป็นการสื่อสารกับประชาชนในระบบประชาธิปไตย

ในประเด็นโครงการ คนละครึ่ง นายอนุทินกล่าวว่า เป็นโครงการที่เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยตรง ถ้าประชาชนไม่ใช้เงินก็จะไม่มีเม็ดเงินหมุนเวียน ซึ่งหากใช้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้อย่างแท้จริง

สำหรับประเด็นบัตรเลือกตั้ง 4 ใบ ที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เสนอในที่ประชุมรัฐสภา นายอนุทินยืนยันว่า เป็นแนวคิดที่ต้องเร่งสร้างความเข้าใจให้ประชาชน โดยจะประสานงานร่วมกับ กกต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิ์ได้อย่างถูกต้อง

เราไม่ควรดูถูกภูมิปัญญาของประชาชน และต้องใช้ทุกช่องทางสื่อสารให้เข้าใจง่ายที่สุด

ในประเด็นที่รัฐบาลเตรียมนำ MOU ไทย-กัมพูชา ปี 2543 หรือ 2544 มาทำประชามติ นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้ยังรอผลการศึกษาจากคณะกรรมาธิการ หากพบว่า MOU ดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ครม. ก็สามารถยกเลิกได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องทำประชามติ

ถ้า MOU ไม่ได้ให้ประโยชน์กับไทย จะเก็บไว้เพื่ออะไร? เราต้องเลือกประเทศของเราก่อน

พร้อมเปรียบเทียบว่า MOU แตกต่างจาก MOA ที่ทำไว้กับพรรคประชาชนซึ่งมีพันธะผูกพันชัดเจน 4 เดือนต้องยุบสภา ส่วน MOU หากไม่เข้าใจกันก็เลิกได้ เพราะไม่มีข้อผูกมัดเหมือนสัญญา และเรื่องนี้ยังต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเพิ่มเติม



นายอนุทินกล่าวถึงข้อกังวลเรื่องคุณสมบัติของรัฐมนตรีบางราย โดยยืนยันว่า ได้ตรวจสอบคุณสมบัติและประวัติผ่าน 9 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ป.ป.ช., ป.ป.ท., ป.ป.ส., อัยการ, ตำรวจ ฯลฯ อย่างละเอียดและไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ

ในส่วนของแนวคิด เมืองคู่แฝด เพื่อแก้ปัญหาชายแดนสระแก้วตามที่ รมว.กลาโหมเสนอ นายอนุทินระบุว่า ยังไม่มีแนวคิดดังกล่าวในเวลานี้ เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญกับการรักษาอธิปไตยและบังคับใช้กฎหมายก่อน หากมีการพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้านได้ในอนาคต จึงค่อยพิจารณาเรื่องนี้

ตอนนี้ยังไม่ต้องคิดเรื่องเมืองคู่แฝด ต้องรักษาดินแดนให้ชัดเจนก่อน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า รัฐบาลจะใช้ผลประชามติเป็นกลยุทธ์ในการหาเสียงครั้งหน้าหรือไม่ นายอนุทินหัวเราะเบา ๆ และตอบเพียงสั้นๆว่า

ขอบคุณมาก เปิดประชุมแล้วครับ

ด่วนที่สุด!! แจ้งผู้ว่าฯ 7 จังหวัด เตรียมแผนอพยพประชาชน ทันที



นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย มีหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัด




กรณีเกิดเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณชายแดนช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ด่านชายแดนไทย-กัมพูชา และพื้นที่อื่น ต้องเพิ่มมาตรการป้องกันและระมัดระวังเหตุลุกลามมากยิ่งขึ้น โดยเน้นย้ำแนวทางปฏิบัติเพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้









1. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด สั่งการให้นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ดำเนินการตามภารกิจการดูแลความมั่นคงภายใน ให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลความปลอดภัยของประชาชน โดยประเมินสถานการณ์ จำนวนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ชี้แจงแผนอพยพประชาชน กำหนดจุดรวมพลและจุดพักพิงในพื้นที่ปลอดภัย ตลอดจนการดูแลประชาชนในจุดพักพิง ให้ทุกขั้นตอนปฏิบัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพพร้อมปรับปรุงแผนเผชิญเหตุ กำหนดขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ เตรียมกำลังพลให้มีความพร้อมปฏิบัติการดูแลความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนสนับสนุนหน่วยทหารในการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่


2. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะผู้บัญชาการอาสารักษาดินแดนจังหวัด สั่งการเจ้าหน้าที่และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน เตรียมความพร้อมกำลังพลเพื่อปฏิบัติงานในยามฉุกเฉิน ตรวจสอบพื้นที่ล่อแหลม สนับสนุนการเฝ้าตรวจและจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน หากเกิดภาวะไม่ปกติให้ปฏิบัติตามแนวทางในแผนรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนและพิทักษ์พื้นที่เขตหลัง ประกอบแผนสั่งใช้สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ปฏิบัติภารกิจประจำปี พ.ศ.2568


3. ประชาสัมพันธ์ชี้แจงให้ประชาชนทราบถึงสถานการณ์และแจ้งข่าวสารทางราชการให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกและสามารถปฏิบัติตนได้เมื่อเกิดสถานการณ์



4. กรณีเกิดสถานการณ์ความไม่สงบอันส่งผลต่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ให้จังหวัดรายงานสถานการณ์ให้กรมการปกครองทราบในวาระแรกโดยเร็วที่สุดจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย




ประกอบด้วย ตราด จันทบุรี สระแก้ว อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ กำชับแนวทางการปฏิบัติงานในสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

ยืนยันแล้ว “ทักษิณ” ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ เป็นรายบุคคลจริงๆ ขั้นตอนต่อไปเป็นอย่างไร



ยืนยัน ทักษิณ ชินวัตร ยื่นขออภัยโทษรายบุคคลจริง ส่งต่อ สลค. ดำเนินการตามขั้นตอน

กระทรวงยุติธรรมออกมายืนยันว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ยื่นคำร้องขอพระราชทานอภัยโทษรายบุคคลจริง และขณะนี้ได้ส่งเรื่องต่อไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องแล้ว




เบื้องหลังการยื่นคำร้องอภัยโทษ
หลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ให้จำคุกนายทักษิณ เป็นเวลา 1 ปีในคดีที่ 14 เพียงหนึ่งวันต่อมา คือวันที่ 10 กันยายน นายทักษิณได้ยื่นคำร้องขออภัยโทษต่อกระทรวงยุติธรรม


การพิจารณาของกระทรวงยุติธรรม
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568 กระทรวงยุติธรรม ภายใต้การกำกับดูแลของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีมติรับเรื่องดังกล่าวและส่งต่อไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาตามขั้นตอน

เงื่อนไขทางการเมืองที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม กระบวนการดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่เพิ่งได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 และได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 โดยมีกำหนดแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จึงทำให้ขั้นตอนการดำเนินงานต้องรอความชัดเจนเพิ่มเติม



ขั้นตอนการยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคล
ผู้ต้องขังเด็ดขาด หรือผู้มีประโยชน์ อาทิ บิดา มารดา คู่สมรส บุตรของผู้ต้องขัง ยื่นเรื่องผ่านเรือนจำ/ทัณฑสถาน
เรือนจำ/ทัณฑสถาน จะสอบสวนเรื่องราว ทูลเกล้าฯ รวบรวมเอกสาร และส่งต่อไปยังกรมราชทัณฑ์
กรมราชทัณฑ์ประมวลข้อเท็จจริง และสรุปเรื่องเพื่อประกอบการถวายความเห็นของ รมว.ยุติธรรม
ความเห็นของ รมว.ยุติธรรม จะถูกส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ต่อด้วยสำนักงานองคมนตรี
เมื่อมี ชพระบรมราชโองการผลฎีกา อย่างไร ก็จะแจ้งผลมายังเรือนจำ/ทัณฑสถาน ต่อไป

การยื่นเรื่องทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคล ไม่ว่าจะระดับชั้นเรือนจำ/ทัณฑสถาน กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม เมื่อได้รับเรื่องราวทูลเกล้าฯ ของผู้ต้องขังเด็ดขาดแล้ว จะไม่สามารถเก็บคำร้องไว้ได้ จะต้องมีการเสนอไปตามลำดับชั้น ซึ่งความเห็นของชั้นต่างๆ จะมีเเค่ “เห็นควรอภัยโทษ” หรือ “เห็นว่าโทษทัณฑ์ที่ได้รับเหมาะสมแล้ว” แต่โดยหลักการแล้ว เรื่องการพระราชทานอภัยโทษ ลดโทษอย่างไร เป็นเรื่องของพระราชอำนาจฯ ที่มิอาจก้าวล่วงได้

สำหรับประเด็นสงสัยว่าการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ผู้ต้องขังสามารถยื่นขอซ้ำอีกได้ หรือไม่นั้น เนื่องจากเมื่อครั้งที่ นายทักษิณ ชินวัตร กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เมื่อวันที่ 22 ส.ค.66 ก็เคยมีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายไปแล้ว ซึ่งจากโทษรวม 8 ปี ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี นั้น ขอเรียนว่า อาจเป็นความเข้าใจของผู้ต้องขังว่า ตนนั้นได้รับโทษไปแล้ว เพราะก็คือการรับโทษมาแล้ว 1 ปี แม้ว่าจะเป็นการไปรักษาตัวนอกเรือนจำฯ ที่ รพ.ตำรวจ แต่ก็ไม่ได้มีการออกไปภายนอกสถานที่รักษาตัวแต่อย่างใด คราวนี้ล่าสุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็ได้มีคำพิพากษาว่า ต้องรับโทษ จึงต้องบังคับโทษ 1 ปี นั้น จึงไม่ทราบรายละเอียดเนื้อหาว่ามีการยื่นทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย อย่างไรบ้าง เพราะรายละเอียดเงื่อนไขของผู้ร้องอาจแตกต่างกันในแต่ละครั้ง แต่ถ้ามองตามปกติแล้ว ผู้ต้องขังมักจะเรียบเรียงเรื่องราวของตน ถึงเหตุผลว่าเหตุใด จึงประสงค์ยื่นทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้

ปิดตำนาน เจ๊เกียว เจ้าแม่รถทัวร์เมืองไทย เสียชีวิตอย่างสงบ



ต้องบอกเลยว่าถูกยกย่องให้เป็นเจ้าแม่รถทัวร์เมืองไทย “เชิดชัยทัวร์ ” สำหรับ นางสุจินดา เชิดชัย หรือที่หลายๆคนรู้จักกันในชื่อ เจ๊เกียว แถมยังมีรถโดยสารครอบลุมหลายเส้นทางทั่วประเทศอีกด้วย




และ เจ๊เกียว ยังถูกยกย่องให้เป็น หญิงแกร่งแห่งเมืองโคราช มีบุคลิกตรงไปตรงมา เด็ดขาด และเข้มแข็ง




เธอดำรงตำแหน่งนายกสมาคมผู้ประกอบการรถร่วม บขส. และเป็นตัวแทนเจรจากับภาครัฐในการปรับค่าโดยสารตามต้นทุนน้ำมัน










เธอยึดหลักการทำงานว่า ขยัน ประหยัด และมีคุณธรรม และดูแลพนักงานเหมือนลูก ทั้งการให้โอกาสทางการศึกษาและช่วยเหลือครอบครัว







ล่าสุด ทำเอาหลายๆคนตกใจไม่น้อย เจ๊เกียว เจ้าแม่รถทัวร์เมืองไทย หญิงแกร่งแห่งเมืองโคราช ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบแล้ว







โดยเพจเฟซบุ๊ก ที่นี่ นครราชสีมา ได้ออกมาโพสต์ร่วมแสดงความอาลัยต่อการจากไปของ เจ๊เกียว







ระบุว่า ” ขอแสดงความเสียใจ เจ๊เกียว คุณสุจินดา เชิดชัย เจ้าแม่รถทัวร์แห่งอู่เชิดชัย ได้เสียชีวิตอย่างสงบ




ยังไงทางเราก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ เจ๊เกียว ด้วยนะคะ จะอยู่คงอยู่ในความทรงจำตลอดไป

อัปเดตเส้นทางพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” กระทบไทย 28-30 ก.ย. ภาคไหนฝนหนัก



กรมอุตุนิยมวิทยา อัปเดตล่าสุด เส้นทางพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” กระทบไทยช่วงวันที่ 28-30 กันยายน 2568 เช็กภาคไหนเจอฝนตกหนัก

“พยากรณ์อากาศวันนี้” วันที่ 28 ก.ย. 2568 กรมอุตุนิยมวิทยา ได้อัปเดตภาพถ่ายดาวเทียมและเส้นทางพายุ เช้าวันนี้ (28/9/68) พายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” (BUALOI) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 170 กม. มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 120 กม./ชม.




พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 30 กม./ชม.คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน บริเวณเมืองวิญ ประเทศเวียดนาม ในพรุ่งนี้วันที่ 29 กันยายน 2568




หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ ผลกระทบตามแนวขอบและเส้นทางเดินของพายุ ทำให้ภาคอีสานตอนบน และด้านตะวันออก ภาคเหนือตอนบนและด้านตะวันออก มีฝนตกหนักหลายพ้นที่ รวมทั้งทำให้ร่องมรสุมและมรสุมมีกำลังแรง โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งตะวันตก และภาคตะวันออกมีฝนเพิ่มขึ้นและตกหนักบางแห่ง คลื่นลมมีกำลังค่อนข้างแรง ในช่วงวันที่ 28 – 30 ก.ย. 2568 นี้ ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดในระยะนี้

ผู้พันเบิร์ด เปิดฐานลับเขมร ยากต่อการโจมตีภายนอก



ในวันนี้ 27 ก.ย.68 ผู้พันเบิร์ด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรกรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Wanchana Sawasdee

เปิดคลิปฐานที่มั่นกัมพูชาบนภูมะเขือว่า “บนภูมะเขือ มีช่องหลบภัยและใช้เป็นที่แอบสำหรับซุ่มยิงได้ด้วย ภายในอยู่ได้ประมาณ20คน



เป็นโพรงถ้ำธรรมชาติมีช่องออก2ช่องที่หน้าผาโดยเขมรทำทางขึ้นมาที่ช่อง2ช่องและเข้ามาในโพรง และทำบันไดทางขึ้นมวด้านบนโดยก่อกำแพงปูน


เป็นปล่องสำหรับขึ้นมาบนยอดภู ถือว่าเป็นที่มั่นดัดแปลงที่แข็งแรงยากต่อการโจมตีจากภายนอก ดังนั้นการที่ทหารไทยเข้าตียึดภูมะเขือได้แบบเบ็ดเสร็จถือว่าเก่งมากจริงๆ




และคาดว่า โพรงนี้เป็นช่องทางที่ทหารเขมรมุดลงเพื่อถอดหนีไปตอนที่ทหารไทยบุกขึ้นมายึด แม้จะเก็บศพทหารเขมรส่งกลัยไปแล้ว


แต่ช่วงนั้นยังได้กลิ่นศพเน่าอยู่ คาดว่าคงเสียชีวิตติดอยู่บริเวณหน้าผาจำนวนหนึ่งแต่ก็มากพอที่จะได้กลิ่นเน่าเหม็นโชยมา

และถ้าถามว่าทางการเขมรมาเก็บศพกลับไปไหม ก็ตอบได้ว่า ไม่ได้มาเก็บและไม่คิดจะเก็บ แต่ที่กลิ่นศพหายไปคงหายไป




เพราะ เน่าเปื่อยและร่วงหล่นลงไปด้านล่างเป็นอาหารของนกแร้ง และสัตว์ป่าตามสภาพ ป่านนี้คงเหลือแต่กระดูก


และยากต่อการพิสูจน์อัตลักษณ์ น่าสงสารญาติพี่น้องของทหารเขมรที่ไม่มีโอกาสได้นำศพไปบำเพ็ญกุศลตามหลักศาสนา

หนุ่มโพสต์ งูจงอางตัวใหญ่ เลื้อยขึ้นบนรถ แผ่แม่เบี้ย เชื่อมาให้โชค



เพจผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ประเสริฐ บุตรวงศ์ ได้เผยแพร่เรื่องราว ขณะจอดรถอยู่หน้าบ้าน มีงูจงอางตัวใหญ่เลื้อยอยู่บนรถ ตัวเองก็ได้แต่ยืนสั่น และเก็บภาพเพื่อมาบอกโชค โดยจงอางตัวนั้นได้เลื้อยเข้าป่าไปอย่างละม่อม เจ้าของรถยืนดูมันเลื้อยจากไป

คืนนี้โดนเต็ม ๆ! เปิดรายชื่อ 52 จังหวัด เจอฝนถล่มหนัก ลมกระโชกเเรง



เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568 ศูนย์ประชาสัมพันธ์กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ จันทบุรี และตราด


ส่วนภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง

เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย


สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงโดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีก 1 วัน


อนึ่ง พายุโซนร้อนกำลังแรง บัวลอย บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะเคลื่อนลงทะเลจีนใต้ตอนกลาง ในเย็นวันนี้ (วันที่ 26 ก.ย. 68) คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 29-30 ก.ย. 68


พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 18.00 น. วันนี้ ถึง 18.00 น. วันพรุ่งนี้


ภาคเหนือ


มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เชียงราย พะเยา น่าน แม่ฮ่องสอน ตาก กำแพงเพชร และพิจิตร อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-15 กม./ชม.


ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ


มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง กับมีลมกระโชกแรง บริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู ชัยภูมิ หนองคาย อุดรธานี สกลนคร ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด สุรินทร์ ศรีสะเกษ นครราชสีมา อุบลราชธานี บุรีรัมย์ ยโสธร และอำนาจเจริญ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.



ภาคกลาง



มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี และกาญจนบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออก

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)


มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฏร์ธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานี ขึ้นมา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราช ลงไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร




ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง และพังงา อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดพังงาขึ้นมา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตลงไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


กรุงเทพและปริมณฑล



มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ทะเบียนรถ “หลวงปู่ศิลา” ในพิธีอุทิศส่วนกุศล 16 ทหารกล้า



ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีค่ะ สำหรับวันนี้ (26ก.ย.68) ที่หอประชุมกิตติขจร กองบัญชาการกองทัพบก ที่มีการทำพิธีสดุดีและจารึกชื่อ 16 ทหารกล้า ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ไทยกัมพูชา โดยทางกองทัพบกได้มีการจัดพิธีสงฆ์อุทิศส่วนกุศล

โดยมี พระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท หรือ หลวงปู่ศิลา) วัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์ และคณะประกอบพิธีสงฆ์ ได้แก่ การสวดพระพุทธมนต์ การถวายภัตตาหารและเครื่องไทยธรรม พร้อมทอดผ้าบังสุกุล


หลวงปู่ศิลา ได้กล่าว “ขออนุโมทนากับวิญญาณ ขอให้เสวยความสุขทุกหมู่ทุกคน ไปผุดไปเกิด ขอให้ญาติโยมเจริญด้วยทรัพย์สินเงินทองทุกหมู่ทุกคน


ปรารถนาอะไรขอให้สำเร็จเร็ววัน ใครไม่มีหนี้ ก็อย่าไปสร้างหนี้ ขอให้มีอายุ วัณโณ สุขัง พลัง”


จากนั้น พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมด้วย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2

เดินลงมาร่วมส่ง หลวงปู่ศิลา เพื่อเดินทางกลับ หลังเสร็จพิธีสงฆ์ที่ทางกองทัพบกจัดขึ้น เพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่กำลังพลทั้ง 16 นาย ที่เสียชีวิตจากการปะทะไทย-กัมพูชา




ก่อนที่หลวงปู่ศิลาจะขึ้นรถเบนซ์ทะเบียน “กน 885” กาฬสินธุ์เดินทางกลับ


โดยก่อนรถเคลื่อนออกจากพื้นที่ของกองบัญชาการกองทัพบก มีทหารและเจ้าหน้าที่พนมมือสาธุกราบอนุโมทนา หลวงปู่ศิลา


ซึ่ง หลวงปู่ศิลา ลดกระจกรถลงพร้อมกับส่งยิ้มเปี่ยมเมตตาทักทายทุกคนก่อนเดินทางกลับ

เปิดอาชีพ “หนุ่มรัสเซีย” ที่ทำคอนเทนต์ท้ายกระบะ สนั่นโซเชียล



กลายเป็นประเด็นที่สังคมจับตามองเป็นอย่างมากเลยทีเดียวค่ะ สำหรับกรณีของ หนุ่มรัสเซีย อายุ 23 ปี กับสาวไทย อายุ 42 ปี ที่ทำคอนเทนต์ที่ท้ายรถกระบะแล่นไปตามถนนที่ภูเก็ต โดยไม่แคร์สายตาของชาวบ้านที่พบเห็น

โดยเมื่อวานช่วงเย็น (25ก.ย.68) ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ควบคุมตัว หนุ่มรัสเซีย อายุ 23 ปี ที่กำลังจะบินกลับประเทศ






โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้ทำบันทึกการจับกุม ก่อนส่งมอบตัวต่อให้กับชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต นำตัวกลับมาดำเนินคดีตามกฎหมายที่ สภ.เมืองภูเก็ต

ขณะที่ผู้ต้องหาชาวรัสเซีย พนักงานสอบสวนได้เสนอต่อ ตม.ภูเก็ต ให้เพิกถอนวีซ่าและขึ้นบัญชีดำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนทางด้านของหญิงชาวไทยนั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็จะส่งฟ้องศาลแขวงภูเก็ตต่อไป

โดยทาง ผู้ต้องหาชาวรัสเซียได้ให้การปฏิเสธ อ้างไม่ได้มีการร่วมเพศ ใส่กางเกงชั้นใน ถ่ายคลิปทำคอนเทนต์เท่านั้น




ส่วนหญิงชาวไทยได้ให้การรับสารภาพว่า ถูกว่าจ้างมาให้ถ่ายคลิปในราคา 1 พันบาท โดยพบกับผู้ต้องหาชาวรัสเซียที่บาร์แห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต จากนั้นได้ถูกว่าจ้างมาให้ถ่ายคลิป 2 ครั้ง


ซึ่งผู้ต้องหาชาวรัสเซียมีคนติดตามในโซเชียลหลายแสนคน และมักจะถ่ายคลิปทำคอนเทนต์ในลักษณะเช่นนี้ทั่วโลก


โดยอาชีพของ หนุ่มรัสเซีย คนนี้ก็คือ “อาชีพทำคอนเทนต์” หรือที่เรียกว่า “Content Creator” นั่นเองค่ะ อีกทั้งยังเป็นคอนเทนต์แนว 18+ อีกด้วย