ข่าวด่วน!! ข่าวเศร้ายืนยันการเสียชีวิตของ… ดูเพิ่มเติม!!



เมื่อเวลา 03.25 น. วันที่ 13 ธันวาคม 2568 เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ กระบะชนกับรถยนต์เก๋ง บริเวณ แยกมาบข่า บนถนนสาย 36 ตำบลมาบข่า อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก รวมทั้งสิ้น 7 ราย แบ่งเป็น ชาย 3 ราย และหญิง 4 ราย โดยแรงชนทำให้รถทั้งสองคันได้รับความเสียหาย และมีผู้บาดเจ็บติดอยู่ภายในรถบางส่วน สร้างความแตกตื่นให้กับผู้ใช้ถนนที่ผ่านไปมาในช่วงเวลาดังกล่าว

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ชีพจาก โรงพยาบาลนิคมพัฒนา พร้อมด้วย อาสาสมัครกู้ภัยสยามระยอง ได้เร่งเข้าพื้นที่ให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอย่างเร่งด่วน ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนลำเลียงส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงเพื่อรับการรักษา โดยเจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรบางช่องทางชั่วคราว เพื่ออำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ รวมถึงจัดการรถที่ประสบอุบัติเหตุออกจากผิวการจราจร



เบื้องต้นยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งคาดว่าอาจเกิดจากทัศนวิสัยในการขับขี่ช่วงกลางคืน ความเร็ว หรือการไม่ชะลอรถบริเวณทางแยก ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบพยานแวดล้อมและสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องอย่างละเอียด เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป พร้อมทั้งฝากเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนให้เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะบริเวณทางแยกและถนนสายหลักในช่วงเวลากลางคืน

ฝูงม้าวิ่งตัดหน้าเก๋งเบนกไม่ทันชนดับ 2 บาดเจ็บเพียบ



เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 13 ธ.ค.68 ร.ต.อ. เสนาะ เทพอาจ ร้อยเวร สภ.บางแพ อ.บางแพ จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุ รถยนต์เก๋งชนม้า เสียชีวิตหลายราย เหตุเกิดบริเวณ ถนนเพชรเกษม หมู่ 1 ต.วังเย็น อ.บางแพ หลังรับ


แจ้งจึงรายงานให้ พ.ต.อ.สมมาตร จันทรัตน์ ผู้กำกับการ สภ.บางแพ ได้รับทราบก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิรวมใจการกุศลราชบุรี ในที่เกิดเหตุ พบม้าเสียชีวิตอยู่กลางถนนจํานวน 2 ตัว และยังมีม้าที่ได้รับบาดเจ็บอีก 3 ตัว นอกจากนี้ยังพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ ฮอนด้า ซิตี้ สีบอร์น หมายเลขทะเบียน 2 กค


9168 กทม. สภาพ หน้ารถพังยับ โดยมีนาย ทรรศ ชัยรัตน์ อายุ 66 ปี เจ้าของรถยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ด้วยอาการตกใจ ต่อมาได้มีนางสุวิชยา น้อยคําศิลป์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119 หมู่ 2 ต.วังเย็น อ.บางแพ ซึ่งเป็น


เจ้าของคอกม้าอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวได้มาแสดงตัว เป็นเจ้าของม้าที่ตายและได้รับบาดเจ็บ ก็บอกว่าฝูงม้าได้หลุดคอกออกมาและน่าจะเดินขึ้นมาจากข้างถนนจนมาถูกรถชนดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการลงบันทึกไว้และให้ทำการนำม้าที่ได้รับบาดเจ็บกลับไปรักษาส่วนม้าที่ตายก็ให้ทางเจ้าของได้ดำเนินการ หลังจากนั้นก็จะเชิญตัวเจ้าของม้าไปสอบปากคำเพื่อดำเนินการต่อไปด้วย

จากการสอบถามนายทรรศ ผู้ขับขี่รถยนต์เก๋งก็ให้การว่าขณะกําลังขับรถเข้าตัวเมืองราชบุรี จู่ๆ ก็มีฝูงม้า โผล่ขึ้นมาจากข้างทางวิ่งตัดหน้ารถอย่างกะทันหันในระยะกระชั้นชิด ทําให้เบรครถไม่ทัน ทำให้พุ่งชนอย่างจังจนม้ากระเด็นไปตายและบาดเจ็บ ส่วนรถก็พังยับ

นอกจากนี้ยังมีผู้เฟสบุ๊คชื่อ จ๊อบ อย่าเยอะ ได้นำคลิปจากกล้องวงจรปิดหน้ารถ ขึ้นมาโพสต์ โดยเป็นคลิป ภาพเหตุการณ์ ขณะที่ม้าวิ่งขึ้นมาตัดหน้า รถเก๋ง จนทำให้ถูกชนจนม้ากระเด็นไปหลายตัว ซึ่ง เจ้าหน้าที่จะได้นําคลิปภาพดังกล่าวไปเป็นหลักฐานด้วย

กรมอุตุฯ ประกาศฉบับที่ 20 เตือน 9 จังหวัด รับมือฝนตกหนัก



วันที่ 13 ธ.ค. 68 กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 20 (393/2568) เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 16 ธันวาคม 2568)

ช่วงวันที่ 14-16 ธ.ค. 68 ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกหนักหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น

สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตรบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามัน ห่างฝั่งมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร



ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่ง

อนึ่ง ประเทศไทยตอนบนมีอากาศแปรปรวน โดยมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางแห่งในวันที่ 13 ธ.ค. 68 เนื่องจากมีลมตะวันออกพัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส โดยมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนจะแผ่ปกคลุมประเทศไทย ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร
จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ประกาศ ณ วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2568 เวลา 17.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไปในวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2568 เวลา 23.00 น.

อุบัติเหตุสลดที่กาฬสินธุ์ วัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ชนกัน เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย



เมื่อเวลา 18.50 น. ของวันที่ 11 ธันวาคม 2568 ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินในพื้นที่อำเภอดอนจาน จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถจักรยานยนต์บนถนนเส้นบ้านหนองแวงแสน ซึ่งเป็นเส้นทางที่ชาวบ้านใช้สัญจรเป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงเวลาหลังเลิกเรียนและหลังเลิกงานที่มีการจราจรค่อนข้างหนาแน่น

เมื่อเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ พบภาพเหตุการณ์ที่น่าสลดใจ โดยผู้เสียชีวิตเป็นชายวัยรุ่นอายุประมาณ 15–16 ปี นอนอยู่กลางถนนในสภาพหมดสติและไม่พบสัญญาณชีพ คาดว่าเสียชีวิตทันทีจากแรงกระแทกอย่างรุนแรงที่เกิดจากการชน ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่พบผู้บาดเจ็บอีกหนึ่งราย ซึ่งเป็นวัยรุ่นเช่นเดียวกัน อยู่ในสภาพหมดสติและได้รับบาดเจ็บหลายแห่งทั่วร่างกาย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งให้การช่วยเหลือเบื้องต้น ทั้งการประเมินอาการ การดามคอ และควบคุมเลือด ก่อนรีบนำส่งโรงพยาบาลประจำพื้นที่เพื่อรับการรักษาอย่างเร่งด่วน

บริเวณโดยรอบมีชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงจำนวนหนึ่งเข้ามาดูเหตุการณ์ด้วยความตกใจและเศร้าเสียใจ เนื่องจากผู้ประสบเหตุทั้งสองรายเป็นเยาวชนในชุมชนที่หลายคนรู้จักกันดี อุบัติเหตุครั้งนี้จึงสร้างความสะเทือนใจให้แก่ผู้ปกครองและคนในพื้นที่อย่างมาก

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบสภาพรถ ร่องรอยการชน สภาพถนน รวมถึงสอบถามพยานในที่เกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงว่ามาจากความประมาทของผู้ขับขี่ หรือมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ความมืดของเส้นทาง ความลื่นของถนน หรือการใช้ความเร็วเกินกำหนด ซึ่งต้องรอผลการสอบสวนเพิ่มเติมอย่างละเอียดต่อไป

เจ้าหน้าที่และอาสากู้ภัยได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต พร้อมฝากเตือนไปยังประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนให้เพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเย็นหรือกลางคืน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้ขึ้นอีก

ด่วน! รถกระบะชนท้ายรถบัส เขาย้อย… ดูเพิ่มเติม!!



เมื่อเวลา 04.20 น. วันที่ 11 ธันวาคม 2568 เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุอุบัติเหตุบริเวณ จุดกลับรถหน้าโรงงานพัฒน์กล ถนนเพชรเกษม ขาล่องใต้ กม.128+800 ตำบลห้วยโรง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี จึงได้สั่งการให้ สายตรวจบางเค็ม 01 สภ.เขาย้อย รีบเดินทางเข้าตรวจสอบพื้นที่ทันที

เมื่อถึงที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นอุบัติเหตุระหว่าง รถกระบะคอกบรรทุกสินค้า ซึ่งกำลังวิ่งมาตามช่องทางหลัก ได้ชนเข้าที่ ท้ายรถบัสรับ–ส่งพนักงานของโรงงาน ที่กำลังชะลอความเร็วเพื่อเตรียมกลับรถ โดยแรงปะทะทำให้ส่วนหน้ารถกระบะเสียหายหนัก

หลังการชน รถกระบะได้เสียหลักพุ่งไปกระแทก เสาไฟส่องสว่างริมทาง จนเสาเอียงและเกิดความเสียหายเพิ่มเติม ส่วนตัวรถบัสมีร่องรอยบุบที่ท้ายรถอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังสามารถขับเคลื่อนได้

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่า ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งสองฝ่าย โดยในรถบัสไม่มีพนักงานโดยสารอยู่ในขณะเกิดเหตุ มีเพียงคนขับที่รอจังหวะกลับรถเท่านั้น ทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีการสูญเสียชีวิตหรือทรัพย์สินของบุคคลอื่นนอกจากตัวรถและเสาไฟฟ้า

หลังควบคุมพื้นที่ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ ร้อยเวร 30 เข้าทำการตรวจสอบและบันทึกเหตุการณ์เพิ่มเติม พร้อมรวบรวมข้อมูลจากพยานบริเวณใกล้เคียง เพื่อใช้ประกอบการวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริง โดยคาดว่าอาจเกิดจากทัศนวิสัยจำกัดในช่วงเช้ามืด รวมถึงการขับขี่ด้วยความเร็วในบริเวณใกล้จุดกลับรถ

เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียด และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณามาตรการป้องกันอุบัติเหตุในจุดดังกล่าวซึ่งเคยเกิดเหตุซ้ำหลายครั้ง

อุบัติเหตุสลดยามเช้า รถจักรยานยนต์ประสานงากระบะ หน้าปั๊มพีที เกาะแก้ว อ.ศรีเทพ ชายวัย 68 ปีเสียชีวิตคาที่

เมื่อเวลา ประมาณ 05.00 น. ของวันที่ 11 ธันวาคม 2568 หน่วยกู้ภัยกกไทร ศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งเหตุอุบัติเหตุรถชน หรือ ว.40 จากประชาชนผู้พบเห็นเหตุการณ์ บริเวณด้านหน้า ปั๊มน้ำมันพีที สาขาเกาะแก้ว ตำบลเกาะแก้ว อำเภอศรีเทพ จึงเร่งจัดกำลังอาสาสมัครพร้อมอุปกรณ์กู้ภัยเดินทางเข้าตรวจสอบอย่างเร่งด่วน


เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นอุบัติเหตุระหว่าง รถจักรยานยนต์ชนกับรถกระบะ อยู่กลางช่องทางสัญจร หน่วยกู้ภัยได้ทำการประเมินสถานการณ์ พบผู้บาดเจ็บเป็นชายวัยสูงอายุ นอนอยู่ริมไหล่ทางในสภาพได้รับบาดเจ็บสาหัส อาสากู้ภัยพยายามให้การช่วยเหลือ แต่พบว่าผู้บาดเจ็บ ไม่มีชีพจรและหยุดหายใจ ก่อนถึงขั้นประกาศเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ทราบภายหลังว่าเป็นชายไทย อายุ 68 ปี


บริเวณจุดเกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำได้รับความเสียหายอย่างมาก ส่วนรถกระบะคู่กรณีจอดอยู่ไม่ไกลนัก โดยมีร่องรอยการชนที่ด้านหน้ารถ เจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บหลักฐาน ทั้งภาพถ่าย พยานแวดล้อม รวมถึงสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อประกอบข้อมูลในการตรวจสอบเชิงลึกถึงสาเหตุของอุบัติเหตุ


หลังจากตรวจสอบสภาพศพและพื้นที่โดยรอบ หน่วยกู้ภัยได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตส่งไปยัง วัดเกาะแก้ว เพื่อให้ญาติดำเนินการประกอบพิธีทางศาสนาและบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ศรีเทพ จะทำการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องรวมถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณดังกล่าว เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุครั้งนี้


เหตุการณ์นี้นับเป็นอีกหนึ่งกรณีที่สะท้อนถึงความสำคัญของการขับขี่อย่างระมัดระวังในช่วงเช้ามืด ซึ่งเป็นช่วงที่ทัศนวิสัยต่ำและผู้ใช้ถนนบางรายอาจมีอาการอ่อนล้าจากการเดินทาง ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องย้ำเตือนให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อใช้เส้นทางยามค่ำคืนและเช้าตรู่ เพื่อป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ข่าวด่วน!! ข่าวเศร้ายืนยันการเสียชีวิตของ… ดูเพิ่มเติม!!



รถบรรทุก 6ล้อกลับรถเก๋งซิ่งพุ่งชนเต็มเเรงอัดก๊อปปี้เจ็บสาหัสคลิปวีดีโอกล้องหน้ารถพลเมืองดีเห็น วินาทีเก๋งพุ่งชนท้าย6ล้อที่เลี้ยวกลับรถ



เมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 10 ธ.ค.68 พ.ต.ต.พลาญชัย ชัยชนะ สารวัตรเวร สภ.เมืองราชบุรี ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถเก็งชนอัดกับรถ6ล้อ บริเวณยูเทรินกลับรถ ถนนเพรชเกษม อ.เมืองราชบุรี จึงแจ้งเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชานุกูล ตรวจสอบในจุดเกิดเหตุ ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งMitsubishi Lancer สีเทาทะเบียน กง 6480 ลพบุรีพุ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บอัดติดอยู่ในรถเจ้าหน้าที่จึงประสานนำอุปกรณ์ตัดถ่างเข้าช่วยเหลือ ใช้เวลาเกือบ 20 นาทีจึงสามารถนำผู้บาดเจ็บออกมาจากตัวรถอาการสาหะสก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลราชบุรีอย่างเร่งด่วนใกล้กันพบรถ6ล้อบรรทุกขนส่งแห่งหนึ่ง ทะเบียน 74-3620 สมุทรปราการ โดยคนขับยืนรอเจ้าหน้าอยู่


พลเมืองสามารถบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้โดยคลิปวีดีโอ ซึ่งเป็นภาพจากกล้องหน้ารถวินาที ขณะเกิดอุบัติเหตุซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รถ6ล้อกำลังกลับรถตรงยูเทรินแต่กลับไม่พ้นและกำลังถอยหลังจู่ๆมีรถเก๋งมาด้วยความเร็วพุ่งชนท้าย


รถ6ล้อเข้าอย่างจังจน เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสติดภายในรถเก๋ง 1 รายเป็นชายอายุประมาณ 40 ปีก่อนที่เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฯ และพลเมืองดีที่ผ่านมาเห็นเหตุการณ์ ได้ช่วยกันงัดซากรถเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้งคู่ที่ติดอยู่ภายใน นำส่งโรงพยาบาล เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจร้อยเวรจะทำการสอบสวนอีกครั้งเพื่อดำเนินคดีทางกฏหมายต่อไป