พบแล้วร่าง 2 สามีภรรยา สวมกอดกัน ก่อนดิ่งเจ้าพระยา บนสะพานพระราม 7



จากกรณีเมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 20 สิงหาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางกรวย จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุชายหญิงเดินจูงมือกันไปบริเวณตรงกลางสะพานพระราม 7 เมื่อถึงบริเวณดังกล่าวก็จูงมือกันปีนข้ามราวกั้นขอบสะพาน และกระโดดลงไปภายในแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยกัน ซึ่งในตอนนั้นมีพลเมืองดีขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาเห็นพอดี ได้เล่าว่าเหตุเกิดเวลาประมาณ 19.30 น. หลังจากตนเลิกงานจังหวะที่ตนกำลังขับขี่รถ จยย ผ่านมา พบ 2 สามีภรรยา ปีนราวสะพานและกอดเอวกันกระโดดลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนจมหายไป
สามีภรรยา กอดกันดิ่งเจ้าพระยา บนสะพานพระราม 7





เบื้องต้นตำรวจและอาสามูลนิธิได้ขึ้นไปตรวจสอบบนสะพาน แต่ไม่พบหลักฐานของชายหญิงทั้งสองคน จึงประสานเจ้าหน้าที่ประดาน้ำของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งลงค้นหาในแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมเรือลงค้นหาร่างของ 2 สามีภรรยาโดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลางมหาร่างกว่า 5 ชั่วโมง ยังไม่พบร่าง ก่อนจะยกเลิกการค้นหาเนื่องจากกระแสน้ำไหลแรง ซึ่งเหตุการณ์ในขณะเกิดเหตุกล้องวงจรปิดบนสะพานดังกล่าวจับภาพเอาไว้ได้ทั้งหมด

ล่าสุดวันที่ 22 สิงหาคม 2568 เวลา 07.40 น. ร้อยตำรวจเอก สิทธิศักดิ์ ชุณหเมธาทิพย์ รอง สว.สอบสวน สน.บางคอแหลม ได้รับแจ้งพบร่างผู้เสียชีวิตลอยน้ำ เป็นชาย 1 ราย บริเวณกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้เคียงท่าน้ำธนาคารกสิกรสำนักงานใหญ่ จึงรีบรุดจัดกำลัง พร้อมประสานแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เร่งรัดตรวจสอบทีาเกิดเหตุทันที

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมอาสาสมัครได้รับแจ้งจากประชาชนผู้สัญจรทางน้ำผ่านมาเห็นว่ามีร่างผู้เสียชีวิตเป็นชายลอยอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้เคียงท่าน้ำธนาคารกสิกรสำนักงานใหญ่ ถนนราษฎร์บูรณะ แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ จึงรีบรุดจัดเตรียมเรือตรวจการทางน้ำตรวจสอบที่เกิดเหตุ

เมื่อมาถึงบริเวณดังกล่าว จึงได้พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย แต่งกายภูมิฐาน สวมใส่เสื้อเชิตแขนยาวลายตารางสีขาว กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าหนังสีดำ ลักษณะลอยน้ำคว่ำหน้า จึงทำการผูกลากจูงนำมาที่ท่าน้ำ สน.บางคอแหลม เพื่อให้แพทย์นิติเวชตรวจสอบเบื้องต้น

และจากการตรวจสอบร่างผู้เสียชีวิตแล้วไม่พบเอกสารบัตรประชาชนติดตัว และไม่พบทรัพย์สินใด ๆ ติดตัว และไม่พบบาดแผลจากการถูกทำร้ายร่างกาย ส่วนดูจากสภาพศพแล้วคาดว่าน่าจะเสียชีวตมาแล้วประมาณ 3 วัน
สามีภรรยา กอดกันดิ่งเจ้าพระยา บนสะพานพระราม 7





และภายในวันและเวลาใกล้เคียงกัน (ในช่วงเวลา 08.35 น.) ร้อยตำรวจเอก คุณากร ศาศรี รอง สว.สอบสวน สน.บวรมงคล ได้รับแจ้งจากประชานพบร่างผู้เสียชีวิตลอยน้ำอยู่บริเวณกลางแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้เคียงสะพานพระราม 8 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ

ซึ่งจากการตรวจสอบผู้เสียชีวิตดังกล่าว พบเป็นหญิง 1 ราย การแต่งกายภูมิฐาน สวมใส่เสื้อเชิตแขนยาวลายหลากสี กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีดำ ในลักษณะลอยน้ำหงายหน้า เมื่อนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาตรวจสอบไม่พบเอกสารติดตัวและไม่พบทรัพย์สินติดตัวเช่นกัน ส่วนภายในร่างกายของผู้เสียชีวิตไม่พบบาดแผลจากการถูกทำร้ายร่างกาย ส่วนสภาพศพคาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 วัน

ไม่นานต่อมามีญาติของผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาดูร่างของผู้เสียชีวิต จึงยืนยันว่าเป็นญาติของตนเองที่กำลังตามหาอยู่ ซึ่งผู้เสียชีวิตทั้งคู่อายุ 62 ปี เป็นสามีภรรยากัน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 สน. ต่างลงความเห็นว่าให้อาสาสมัครนำร่างของผู้เสียชีวิตไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งที่นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช และเมื่อเเพทย์ทำการตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยแล้วจะให้ญาตินำเอกสารมารับร่างผู้เสียชีวิตกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป ส่วนเรื่องปมเหตุดังของการตัดสินใจกระโดดสะพานจบชีวิตคู่กันของทั้งสองคน ยังคงสรุปไม่ได้ว่าสาเหตุของการคิดสั้นครั้งนี้เกิดจากสาเหตุอะไร

ภาพหาดูยาก 2 ซุปตาร์ขอถ่ายรูปคู่ เจมส์ เรืองศักดิ์ ตอนเด็ก



ทำแฟนๆแห่เอ็นดูหนักมาก หลัง พี่ชายของ 2 หนุ่มน้อยออกมาโพสต์ภาพตอนที่หนุ่มๆไปขอถ่ายภาพร่วมกับ นักร้องชื่อดังยุค 90 อย่าง “เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์” พร้อมกับถามแฟนๆเลยว่าจำได้ไหม




เพราะปัจจุบัน 2 หนุ่มน้อยก็ได้เติบโตมาเป็นหนุ่มแล้ว แถมยังได้เป็นนักร้อง-นักแสดงตามรอยพี่เจมส์ด้วย




นั่นก็คือนักร้อง-นักแสดงหนุ่มชื่อดังอย่าง “ไมค์ พิรัชต์” และ “กอล์ฟ พิชญะ นิธิไพศาลกุล” นั่นเอง




โดยพี่ชายของทั้งคู่ก็ได้ออกมาโพสต์เลยว่า “ทายซิใครเอ่ย??#โตมากับอาร์เอส #ไปแจ้งเกิดแกรมมี่”

พี่ไมค์น่ารักมาก พี่กอล์ฟเหมือนเดิมมาก , แว๊บแรก ทำไมหน้าพ่อเหมือนเจมส์เรืองศักดิ์ จะบ้า แต่พอดูดีๆอ๋อพี่เจมส์นั่นแหละ ตอนนั้นจำได้แซนแบงค์มีน้องขายเป็นเด็กฝึกอยู่แกรมมี่ น่าจะประมาณ10ขวบนิด,อุ๊ย ภาพนี้หาดูยาก ไมค์ เจมส์ กอล์ฟ , เสื้อฟ้าน้องกอล์ฟ เสื้อสีเทาน้องไมค์ค่ะ ทายถูกไหมเฮียหนูว่าหนูจำได้นะส่วนคนกลางพี่เจมส์ ข้าวมันไก่ ขึ้นมาในหัวเลย , Mike and Golf ,Golf and Mike




งานนี้ก็ทำแฟนๆเข้ามากดไลค์และคอมเมนต์รัวๆเลยทีเดียว เพราะ 2 หนุ่มของเราน่ารักตั้งแต่เด็ก




เอาเป็นว่าแฟนๆคนไหนที่ทายถูกก็คอมเมนต์แสดงตัวกันเข้ามาหน่อยนะคะจะได้รู้ว่ามีคนจำคู่นี้ได้เยอะแค่ไหน




ส่วนใครที่ทายผิดก็ไม่เป็นไรเพราะครั้งหน้าเราจะมีภาพวัยเด็กของนักแสดง-นักร้องคนดังออกมาให้ทายกันอีก

เปิดภาพนาที เจอร่าง น้องชาย เบิ้ล ปทุมราช ชาวบ้านมาช่วย เผยสาเหตุสลด



จากกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ ได้รับแจ้งมีเหตุเด็กลงเล่นน้ำที่ฝายน้ำล้นห้วยโสพระ บ.โคกพระ ต.นาหว้า อ.ปทุมราชวงศา แล้วถูกกระแสน้ำพัดหายไป 1 คน หลังรับแจ้ง จึงประสานแพทย์เวร รพ.ปทุมราชวงศา พร้อมด้วยนักประดาน้ำ เจ้าหน้าที่มูลนิธิเพชรเกษมอำนาจเจริญ ร่วมเดินทางไปตรวจสอบ


ที่เกิดเหตุพบชาวบ้านหลายคน ลงน้ำท้ายฝายช่วยกันหาเด็กที่จมน้ำหายไป เจ้าหน้าที่นักประดาน้ำมูลนิธิเพชรเกษมอำนาจเจริญ ระดมค้นหาใช้เวลา 30 นาที ก็พบร่างเด็กชายที่ถูกกระแสน้ำดูดวนลงไปจมอยู่ติดกับประตูระบายน้ำ


จากการสอบถามชาวบ้านที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ทำให้ทราบว่าเด็กชายที่หายไปอายุ 13 ปี ชื่อเล่นว่า จ๊อด เป็นน้องชายลูกพี่ลูกน้องกับนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง เบิ้ล ปทุมราช ซึ่งตอนนี้ทราบข่าวแล้วและรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะ จ๊อด สนิทกับ เบิ้ล มาก ไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่เป็นประจำ โดยก่อนเกิดเหตุ เด็กชายได้เดินทางมาเล่นน้ำกับเพื่อนรวมทั้งหมด 5 คน เกิดพลาดพลักตกที่บริเวณประตูติดกับฝายน้ำล้น 2 คน เพื่อนๆ ต่างก็พากันพยายามช่วยกันดึง แต่สามารถช่วยได้ 1 คน ส่วนเด็กชายจ๊อดถูกกระแสน้ำพัดจมหายไปต่อหน้าต่อตาเพื่อน ก่อนที่เพื่อนๆ จะได้รีบตามคนให้มาช่วย


ขณะที่ชาวบ้านที่เข้ามาช่วยหาเป็นรายแรก เผยว่า ตอนนั้นเด็กบอกว่ามีกันทั้งหมด 5 คนแต่พลัดตกจมลงไป 1 คน โดยเด็กพากันมาเล่นน้ำที่บริเวณประตูที่ใกล้กับฝายน้ำล้น ซึ่งตอนนี้น้ำเยอะและล้นออกมาแรงมาก ทำให้กระแสน้ำแรง คาดว่าเด็กจะลื่นพลัดตกและถูกกระแสน้ำที่พัดแรงพัดวนจนสำลักน้ำและไม่สามารถขึ้นมาได้ เพราะตอนที่เจ้าหน้าที่พบ ก็พบว่าร่างของน้องนั้นไปติดอยู่ใกล้กับจุดที่ตกซึ่งเป็นจุดที่กระแสน้ำล้นลงมาแล้วมีการพัดวนกลับเข้าไป ด้วยความแรงของกระแสน้ำ อาจทำให้เด็กไม่สามารถว่ายน้ำได้จึงถูกพัดจมลงไป


นอกจากนี้ เฟซบุ๊ก ซัวเรช ปทุมราช ฟาร์ม ได้มีการโพสต์คลิปกระแสน้ำแรงบริเวณจุดเกิดเหตุ พร้อมข้อความ จังหวะที่เราเจอน้อง สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดมันก็เกิด ท่ามกลางคอมเมนต์เข้ามาร่วมแสดงความเสียใจต่อการจากไปของเด็กชายผู้เคราะห์ร้ายรายนี้ โดยคนในพื้นที่ต่างก็เศร้ากับการสูญเสียที่เกิดขึ้น

ม็อบจุดไฟเผาสภาภูมิภาคอินโดนีเซีย เสียชีวิตแล้ว 3 ราย ท่ามกลางการประท้วงยาวนานทั้งสัปดาห์



จาการ์ตา, อินโดนีเซีย (AP) — ฝูงชนโกรธจัดได้จุดไฟเผาอาคารสภาท้องถิ่นในเมืองหลวงของจังหวัดแห่งหนึ่งของอินโดนีเซีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย และมีผู้บาดเจ็บเข้ารักษาในโรงพยาบาลอีก 5 ราย เจ้าหน้าที่กล่าวเมื่อวันเสาร์





เพลิงไหม้เกิดขึ้นที่เมือง มากัสซาร์ เมืองหลวงของจังหวัดซูลาเวซีใต้ เมื่อค่ำวันศุกร์ รายงานทางโทรทัศน์เผยให้เห็นอาคารสภาจังหวัดกำลังลุกไหม้ตลอดทั้งคืน ทำให้บริเวณรอบ ๆ สว่างเป็นสีส้มอย่างน่าขนลุก


เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิต 3 ศพออกมาได้ในเช้าวันเสาร์ ขณะที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 รายถูกส่งโรงพยาบาล ทั้งจากบาดแผลไฟไหม้และกระดูกหัก หลังพยายามกระโดดหนีออกจากอาคาร นายฟัดลี ตาฮาร์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยท้องถิ่น กล่าว

ผู้ประท้วงในเมือง บันดุง จังหวัดชวาตะวันตก ก็ได้จุดไฟเผาอาคารสภาท้องถิ่นเช่นกันในวันศุกร์ แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ส่วนที่เมือง สุราบายา เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ ผู้ชุมนุมบุกโจมตีกองบัญชาการตำรวจประจำภูมิภาค หลังพังรั้วและจุดไฟเผารถยนต์ เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตาและปืนฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อสลายฝูงชน แต่ผู้ประท้วงโต้กลับด้วยดอกไม้ไฟและไม้กระบอง

สถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศในกรุงจาการ์ตา รวมถึงสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ออกคำแนะนำให้พลเมืองของตนหลีกเลี่ยงพื้นที่การชุมนุมหรือการรวมกลุ่มขนาดใหญ่

ในกรุงจาการ์ตา สถานการณ์ส่วนใหญ่กลับสู่ความสงบในวันเสาร์ เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดซากรถยนต์ สำนักงานตำรวจ และที่พักรถประจำทางที่ถูกผู้ประท้วงจุดไฟเผา

การประท้วงที่ยืดเยื้อมานาน 5 วัน เริ่มขึ้นในวันจันทร์ที่กรุงจาการ์ตา หลังจากมีรายงานว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติทั้ง 580 คน ได้รับ เงินเบี้ยเลี้ยงค่าที่พักรายเดือนจำนวน 50 ล้านรูเปียห์ (ประมาณ 3,075 ดอลลาร์สหรัฐ) นอกเหนือจากเงินเดือน เบี้ยเลี้ยงนี้เพิ่งถูกนำมาใช้เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำในกรุงจาการ์ตาถึงเกือบ 10 เท่า

นักวิจารณ์ระบุว่าเบี้ยเลี้ยงใหม่นี้ไม่เพียงเกินความจำเป็น แต่ยังถือว่าไม่ใส่ใจต่อความเดือดร้อนของประชาชน ที่กำลังเผชิญค่าครองชีพ ภาษี และอัตราการว่างงานที่สูงขึ้น

การประท้วงยิ่งทวีความรุนแรงหลังการเสียชีวิตของ อัฟฟาน เคอร์เนียวาน คนขับแอปพลิเคชันรับส่งวัย 21 ปี วิดีโอที่เผยแพร่บนโซเชียลมีเดียซึ่งแสดงภาพการเสียชีวิตของเขาระหว่างการชุมนุมที่กรุงจาการ์ตาในวันพฤหัสบดี ได้สร้างความสะเทือนใจไปทั่วประเทศและจุดกระแสต่อต้านเจ้าหน้าที่ความมั่นคง

รายงานระบุว่า เคอร์เนียวานกำลังส่งอาหารตามออเดอร์เมื่อเกิดเหตุ เขาถูกลูกระเบิดน้ำตาตกอยู่ในฝูงชน พยานเล่าให้สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นฟังว่า รถหุ้มเกราะของหน่วยปราบจลาจลตำรวจแห่งชาติได้ขับพุ่งเข้ามาอย่างกะทันหันและชนเขาจนล้มลง และแทนที่จะหยุด รถคันนั้นกลับวิ่งทับเขา

ในวันเสาร์ คนขับแอปฯ และนักศึกษาในเกาะ บาหลี กว่า 100 คน ได้รวมตัวชุมนุมเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับเคอร์เนียวาน ในการประท้วงที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักบนเกาะท่องเที่ยวแห่งนี้ พวกเขาเรียกร้องการปฏิรูปตำรวจและการปล่อยตัวผู้ถูกจับกุมระหว่างการประท้วง

ผู้ประท้วงเดินขบวนไปยังสำนักงานตำรวจภูมิภาคบาหลี เจ้าหน้าที่ปราบจลาจลยิงแก๊สน้ำตาหลายนัดเพื่อสกัดกั้นกลุ่มที่พยายามฝ่าแนวรั้วรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด ผู้ประท้วงขว้างก้อนหิน ขวด และพลุไฟตอบโต้

การปะทะกันระหว่างตำรวจปราบจลาจลและผู้ประท้วงเกิดขึ้นในหลายเมืองทั่วอินโดนีเซียในวันศุกร์ รวมถึงเมือง เมดาน, โซโล, ยอกยาการ์ตา, มากลัง, มาลัง, เบงกูลู, เปกันบารู และเมือง มานอกวารี ในจังหวัดปาปัวตะวันออกสุด

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของอินโดนีเซีย (Komnas HAM) ระบุว่า มีผู้ถูกจับกุมกว่า 950 คน ในการชุมนุมที่กรุงจาการ์ตาเพียงแห่งเดียวจนถึงวันพฤหัสบดี

เจ้าหน้าที่กล่าวว่ามีตำรวจประมาณ 25 นายถูกนำส่งโรงพยาบาลด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสจากการถูกผู้ประท้วงทำร้าย ขณะที่ Komnas HAM เชื่อว่าจำนวนผู้บาดเจ็บในฝั่งประชาชนมีมากกว่านั้นหลายเท่า

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล วิจารณ์รัฐบาลอินโดนีเซียเมื่อวันเสาร์ โดยระบุว่ากำลังปราบปรามเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นด้วยการกวาดล้างการประท้วงสาธารณะ

“ไม่มีใครควรต้องสูญเสียชีวิตเพียงเพราะใช้สิทธิในการประท้วง” อุสมาน ฮามิด ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล อินโดนีเซีย กล่าว “ทางการต้องปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวเพียงเพราะใช้สิทธิของตนโดยทันทีและโดยไม่มีเงื่อนไข” เขากล่าวเสริม

อ่านอีกรอบจาก เลขากฤษฎีกา "บิ๊กอ้วน"ไม่มีอำนาจ"ยุบสภา"

เมื่อนายกรัฐมนตรีพ้นตำแหน่ง คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะพ้นตำแหน่งไปทั้งคณะด้วย ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 167 (1) อย่างไรก็ดี ตามมาตรา 168 (1) กำหนดว่า ครม.ที่พ้นจากตำแหน่งอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ภายใต้เงื่อนไขว่า กรณีพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 167 (1) ให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ ถ้าเป็นกรณีที่นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งเพราะขาดคุณสมบัติตามมาตรา 160 (4) หรือ (5) นายกรัฐมนตรีจะอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปไม่ได้
หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยทางนี้ จะนำไปสู่ความเป็นไปได้ของฉากทัศน์ทางการเมืองอยู่ 2 แนวทางหลัก คือ




1) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี อาจเลือก “ยุบสภา” เปิดทางให้มีการเลือกตั้งได้ อย่างไรก็ดี ประเด็นอำนาจยุบสภาของรักษาการนายกรัฐมนตรี ยังมีข้อถกเถียงอยู่ว่าทำได้หรือทำไม่ได้
ฝ่ายที่มองว่าทำได้ มีอำนาจเต็มเท่านายกรัฐมนตรี เช่น วิษณุ เครืองาม อมร วาณิชวิวัฒน์ อดีตโฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยฝ่ายกฎหมาย
ฝ่ายที่มองว่าทำไม่ได้ ไม่มีอำนาจ เช่น ที่ปรึกษากฎหมายของรัฐอย่างคณะกรรมการกฤษฎีกา ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการฯ เคยแจ้งต่อที่ประชุม ครม. เมื่อ 3 กรกฎาคม 2568 ว่า จากการศึกษาข้อมูลทางวิชาการของกฤษฎีกา มีความเห็นว่ารักษาการนายกรัฐมนตรีไม่สามารถยุบสภาได้ เพราะรัฐธรรมนูญไทยยึดโยงมาจากอังกฤษ
นอกจากความเห็นของปกรณ์ เมื่อพิจารณาตาม พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 48 วรรคหนึ่ง กำหนดว่า “ให้ผู้รักษาราชการแทนตามความในพระราชบัญญัตินี้มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ซึ่งตนแทน” ซึ่งอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลตามกฎหมายดังกล่าว เช่น กำกับบริหารราชการแผ่นดิน โยกย้ายข้าราชการจากกระทรวงหรือกรมหนึ่ง ไปดำรงตำแหน่งในอีกกระทรวงหรืออีกกรม บังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายบริหารทุกตำแหน่งซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรม และส่วนราชการ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี จึงมีอำนาจหน้าที่ตามขอบข่ายของกฎพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินเท่านั้น
การยุบสภาผู้แทนราษฎรเป็นอำนาจที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด และมีลำดับชั้นทางกฎหมายสูงกว่าพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และการยุบสภายังเป็นอำนาจทางการเมืองอีกด้วย ซึ่งสอดคล้องกับหลักการแบ่งแยกอำนาจ เป็นการถ่วงดุลอำนาจของฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสภาผู้แทนราษฎร กล่าวคือ นายกรัฐมนตรีที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาเท่านั้นจึงจะมีอำนาจในการยุบสภาผู้แทนราษฎร
หากฉากทัศน์ออกมาทาง “ยุบสภา” คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วัน แต่ต้องไม่เกิน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกายุบสภาใช้บังคับ (รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 103)
2) สภาผู้แทนราษฎรจะต้อง เลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลต่อไป โดยเลือกจากแคนดิเดตในบัญชีที่พรรคการเมืองเสนอไว้ในการเลือกตั้งทั่วไปเท่านั้น โดยใช้เพียงเสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องใช้เสียงสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอีกเหมือนกรณี เศรษฐา ทวีสินที่ศาลฯ มีคำวินิจฉัยให้พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขาดคุณสมบัติ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากปมทูลเกล้าฯ แต่งตั้งพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีทั้งที่เคยต้องคำพิพากษาจำคุกฐานละเมิดอำนาจศาล
ขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 159 มีดังนี้
1) พรรคการเมืองที่มี สส. ในสภา ไม่น้อยกว่า 5% (25 คน) สามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองเคยแจ้งไว้ในการเลือกตั้งทั่วไป ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 88 กำหนดให้พรรคการเมืองส่งบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ไม่เกิน 3 ชื่อ
การเสนอชื่อผู้สมควรได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องเสนอชื่อผู้ที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 และจะต้องมี สส. รับรองด้วยจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งใน 10 ของ สส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร จากข้อมูล ณ วันที่ 27 สิงหาคม 2568 มี สส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ 492 คน ดังนั้นจำนวนผู้รับรองในการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 จะอยู่ที่ 50 คน
2) สภาผู้แทนราษฎรลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี จากผู้ได้รับการเสนอชื่อ โดยขั้นตอนการเลือกนายกรัฐมนตรีจะทำโดยเปิดเผย กล่าวคือ ใช้วิธีการเรียกชื่อ สส. แต่ละคนและให้ สส. ลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี ผู้ที่ได้รับเลือก จะต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน สส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อมี สส. ทั้งหมด 492 คน เท่ากับว่าต้องได้คะแนนเสียงตั้งแต่ 247 เสียงขึ้นไปจึงจะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี
หลังจากสภาผู้แทนราษฎรเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือนายกรัฐมนตรีจะต้องนำรายชื่อรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้พระมหากษัตริย์โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป โดยในขั้นตอนนี้ รัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาไว้

เปิดพฤติกรรม อดีตพระอลงกต ทำในห้องขังทั้งคืนยันเช้า หลังถูกสอบ



จากกรณีตำรวจกองบังคับการปราบปราม เข้าจับกุมตัว พระราชวิสุทธิประชานาถ (อลงกต ติกฺขปญฺโญ) หรือ “หลวงพ่ออลงกต” อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ และ “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” หรือ นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ก่อนนำตัวมาสอบปากคำที่สอบสวนกลางเพื่อทำการสอบปากคำ เป็นมหากาพย์เรื่องราวใหญ่โต


โดยอดีตพระอลงกตให้การโดยยืนยันว่าเป็นประโยชน์ต่อตนเอง พร้อมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เช่นเดียวกับหมอบีที่อ้างว่ามีหลักฐานจากบัญชีรับบริจาคไว้โต้แย้งข้อกล่าวหาทั้งหมด


รายงานระบุว่า ทั้งสองถูกคุมขังในห้องแยกกัน ตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา อดีตพระอลงกตใช้เวลานั่งสมาธิจนถึงรุ่งเช้า ขณะที่หมอบีเลือกนอนพักผ่อน และไม่มีการร้องขอสิทธิพิเศษใด ๆ เพิ่มเติม

สรุปเลข 2 ตัวล่างเน้น ๆ งวดสิงหาคม – กันยายน 2568



สำหรับใครที่ติดตามแนวทางเลข 2 ตัวล่างแบบเน้น ๆ ตลอดช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ามีความแม่นยำจนสร้างความมั่นใจให้กับคอหวย โดยมีรายละเอียดดังนี้




งวดวันที่ 1 สิงหาคม 2568

เลขเด่นที่ให้ : 05 – 50 – 36 – 63 – 14 – 41

ผลออกจริง : 50

เข้าเต็ม ๆ ตรงเลขที่ให้ไว้

งวดวันที่ 16 สิงหาคม 2568

เลขเด่นที่ให้ : 05 – 50 – 36 – 63 – 14 – 41

ผลออกจริง : 63

เข้าตรงอีกครั้ง

งวดวันที่ 1 กันยายน 2568

เลขเด่นที่ให้ : 05 – 50 – 36 – 63 – 14 – 41

ผลรอประกาศ : ❓

จากผลที่ออกมาติดต่อกัน พบว่าเลข 50 และ 63 ซึ่งเป็นเลขที่ถูกเน้นย้ำ ได้ออกตรงจริงทั้งสองงวด ทำให้หลายคนให้ความสนใจอย่างมากกับเลขชุดเดียวกันในงวดวันที่ 1 กันยายน 2568 นี้ และเฝ้ารอดูว่าจะเข้าเป้าสามงวดซ้อนหรือไม่

“ชูวิทย์”โพสต์แล้ว เตือนสติพรรคประชาชน พายเรือให้หนูนั่งนายกฯ



ชูวิทย์ เคลื่อนไหวปมร้อนการเมืองไทย พายเรือให้หนูนั่งนายกฯ แบบนี้ใช่การเมืองใหม่ที่พรรคประชาชนต้องการหรือ? ลั่นไม่มีสัจจะในหมู่นักการเมืองชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาโพสต์แสดงความคิดเห็นประเด็นร้อนการเมืองไทย หลังจาก ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติให้ แพทองธาร ชินวัตร พ้นนายกรัฐมนตรี ปมคลิปเสียงสนทนาฮุนเซน พายเรือให้หนูนั่งนายกฯ อนุทินอยากเป็นนายกฯ มีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ จึงย่อมมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ด้วยเงื่อนไขของพรรคประชาชนที่เสนอให้เวลา 4 เดือนแล้วยุบสภา ภายใน 4 เดือน นายอนุทินจะไปแก้ไขปัญหาประเทศอะไรได้? แต่จะเป็นการพลิกเกมเรื่องปัญหาของตัวเอง ที่มีสำนวนคดีกองไว้เต็มโต๊ะของ DSI และ กกต. ล้วนเป็นคำถามที่ประชาชนอดสงสัยไม่ได้


คดีสำคัญๆ ทั้งนั้น เหมือนภูเขาไฟรอระเบิดการรับข้อเสนอของนายอนุทินเพียงแค่ต้องการอำนาจ และใช้มนต์เป่าคดีที่อีนุงตุงนังให้หายไป ทั้งเรื่องเขากระโดง และฮั้ว ส.ว. ทุกๆ เรื่องเป็นสิ่งที่นายอนุทินในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยจะอ้างว่า “ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ทราบ“ ไม่ได้ เพราะบางเรื่อง DSI ได้แจ้งข้อกล่าวหานายอนุทินด้วย



พรรคประชาชนต้องตระหนักว่า การโหวตให้นายอนุทินประเทศชาติจะได้ประโยชน์ใด?
ที่ว่า “อยู่แค่ 4 เดือน” เอาอะไรไปคิด มีข้ออ้างสารพันที่จะต้องอยู่สะสางต่อ จะไปยุบยังไง? ต้องเสียสัตย์เพื่อชาติ พรรคประชาชนอย่าเสียเหลี่ยมคูการเมืองไปอีกเป็นรอบสอง

การเมืองของพรรคประชาชนเป็นการเมืองใหม่ ต่างจาก DNA ลีลาของพรรคภูมิใจไทยอยู่มากโขที่เห็นมาก็มีทั้งงูเห่า มีทั้งกล้วย มีทั้งพวกหักหลัง มีทั้งนอมินี แม้จะเสนอเงื่อนไขให้ทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อเสนอเข้าสภาต้องผ่าน ส.ว. ก็โดนคว่ำอยู่ดี ส.ว. ของใคร?พรรคประชาชนจะทำอะไรได้?

นี่มันเป็นการที่พรรคประชาชนเชื้อเชิญให้บรรดานักการเมืองลีลาดึกดำบรรพ์ทั้งหลายขนกล้วยเสบียงกรังขึ้นบนเรือที่ตัวเองเป็นคนพายแท้ๆ

อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมพรรคประชาชนจะไป “อินโนเซนท์“ ได้ขนาดนั้น?

หรือมี ”ดีลฮั้ว“ อะไรที่อยู่เบื้องหลัง?

เหลี่ยมนักการเมืองร้อยแปดเล่มเกวียน ลีลาการเมืองของแท้ ไม่มีอะไรใหม่ นอกจากไปตายเอาดาบหน้า

เงื่อนไขอะไรก็รับกันหมด ทั้งภูมิใจไทย และเพื่อไทย เพราะอยากเป็นนายกฯ

แต่พรรคประชาชนจะเลือกใคร?

หรือจะตกเป็นเครื่องมืออีกครั้ง?

โดยครั้งนี้จะมีผลถึงคะแนนเสียงในเมืองจากการเลือกตั้งอันใกล้นี้

คะแนนของพรรคจะตกต่ำกว่าเดิม หากตัดสินใจผิดในครั้งนี้

จะพังเหมือนพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยพังมาแล้วในอดีต

ยุบสภา ล้างไพ่ใหม่ คืนอำนาจให้ประชาชน คือเงื่อนไขเดียวที่พรรคประชาชนนำเสนอตามที่เคยบอกไว้

ล่าสุด พรรคกล้าธรรมทิ้งเพื่อไทยไปซบภูมิใจไทยเรียบร้อย

ได้กระทรวงมหาดไทยมาแลก เลียนแบบภูมิใจไทยในอดีต

เป็นพรรคกล้าหัก หักลุงตู่ หักลุงป้อม หักทักษิณ หักดะไม่ไว้หน้าใคร


แบบนี้ใช่การเมืองใหม่ที่พรรคประชาชนต้องการหรือ?

อย่ามั่นใจเกินไป ว่าการพายเรือให้บรรดานักการเมืองเขี้ยวลากทั้งหลายนั่ง จะอยู่รอดปลอดภัย ไม่แว้งมากัดคนพายเมื่อถึงฝั่ง

มันไม่มีสัจจะในหมู่นักการเมือง

เลขเด็ดมาแรง 16 สิงหาคม – 1 กันยายน 2568



แนวทางเลขเด็ดในงวดกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และงวดต้นเดือนกันยายนนี้ ได้ถูกเผยแพร่ออกมาอย่างชัดเจน โดยแบ่งเป็นเลขเด่นบนและเลขเด่นล่าง ดังนี้


📌 งวดวันที่ 16 สิงหาคม 2568





เลขบน : 658 – 865 – 586


เลขล่าง : 61 – 63 – 65



โดยในงวดนี้เลข 865 ถือเป็นตัวเลขเด่นที่มีการพูดถึงมาก และกลายเป็นเลขที่หลายสำนักให้ความสนใจ



📌 งวดวันที่ 1 กันยายน 2568





เลขบน : 902 – 290 – 029


เลขล่าง : 73 – 76 – 79



สำหรับงวดนี้ เลขบนชุด 902 – 290 – 029 ถูกจัดเป็นกลุ่มเลขที่น่าจับตามอง ขณะที่เลขล่างอย่าง 73 – 76 – 79 ก็ถือว่ามาแรงไม่แพ้กัน



การให้เลขทั้งสองงวดนี้ มาพร้อมกับคำกำกับ “2000 × 2000” ซึ่งสื่อถึงความมั่นใจสูงในตัวเลข จึงทำให้คอหวยจำนวนมากจับตาและรอคอยผลการออกรางวัลว่าจะตรงตามที่คาดไว้หรือไม่

อ่านอีกรอบจาก เลขากฤษฎีกา "บิ๊กอ้วน"ไม่มีอำนาจ"ยุบสภา"


มีรายงานว่า ทางเลือกสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย หากไม่สามารถรวมเสียง ดันแคนดิเดตนายกฯ ชัยเกษม นิติสิริ ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อจาก แพทองธาร ชินวัตร ได้ ก็เริ่มมีการพูดถึงอีกครั้งว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกฯ จะเลือกตัดสินใจ “ยุบสภา” หรือไม่




โดยประเด็น รักษาราชการแทนนายกฯ จะมีอำนาจ “ยุบสภา” หรือไม่ เคยเป็นที่ถกเถียงกันมาหลายรอบแล้ว ในแวดวงนักวิชาการ หรือแม้แต่ คนในคณะรัฐมนตรี ระดับที่ปรึกษาทางกฎหมาย ไม่ว่าเป็น นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ หรือแม้แต่ นายปกรณ์ นิลประพันธุ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฏีกา
อีกทั้งเช้าวันนี้ นายภูมิธรรม จะทำหน้าที่ เป็นประธานการประชุม ครม.นัดพิเศษ แน่นอนว่าจะมีเลขาธิการ ครม.เลขาธิการกฤษฎีกา เข้าร่วมประชุมด้วย
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา โพสต์ข้อความยืนยันว่ารักษาการนายกรัฐมนตรี ไม่มีอำนาจยุบสภาแทนนายกรัฐมนตรี โดยมีข้อความว่า
อธิบายซ้ำ : ผมอธิบายว่าตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของบ้านเรา การเสนอแต่งตั้งรัฐมนตรีและการยุบสภา เป็นอำนาจเฉพาะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเท่านั้น เช่นเดียวกับกลุ่มประเทศที่ปกครองในระบอบรัฐสภาแบบ Westminster เป็นไปตาม "หลักความไว้วางใจ"
ประเทศไทยจะเห็นได้ชัดในประกาศแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีความสรุปว่า ประธานสภา ... กราบบังคมทูลว่าสภาลงมติไว้วางใจให้ นาย/นางสาว ... เป็นนายกรัฐมตรี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
ส่วนกรณีประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี ก็ชัดเจนว่า บัดนี้นาย/นางสาว... นายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูลเสนอชื่อบุคคลผู้สมควรไว้วางใจให้เป็นรัฐมนตรี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตั้งบุคคลดังต่อไปนี้เป็นรัฐมนตรี
จะเห็นได้ชัดว่าเป็นความไว้วางใจมาเป็นทอดๆ และพระมหากษัตริย์ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ตามที่สภาเสนอและประธานสภานำความกราบบังคมทูล หรือทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี ตามที่นายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลว่าสมควรไว้วางใจ
โดยนัยนี้เอง รองนายกรัฐมนตรี (รนม.) รักษาราชการแทนนายกฯ จึงไม่มีอำนาจเสนอแต่งตั้งรัฐมนตรี หรือเสนอให้รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง เพราะ รนม. รักษาราชการแทน นรม. นั้นเป็นเพียงรัฐมนตรีคนหนึ่งซึ่งได้รับความไว้วางใจจาก นรม. เฉกเช่นเดียวกับ รมต. คนอื่น ไม่ได้รับความไว้วางใจจากสภาให้เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร จึงจะแต่งตั้งหรือปลด รมต. คนอื่นๆ มิได้หรือยิ่งไปกว่านั้นคือ รนม. รักษาราชการแทน นรม. จะเสนอให้ยุบสภา ถ้ายังมีผู้ดำรงตำแหน่ง นรม. อยู่ ยิ่งไม่ได้ เพราะไม่ใช่ผู้ได้รับความไว้วางใจจากสภาให้เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร หากเป็นเพียงผู้ซึ่ง นรม. ถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ว่าเป็นผู้สมควรไว้วางใจให้แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีเท่านั้น
การยุบสภาจึงเป็นอำนาจเฉพาะของ นรม. เท่านั้น
กล่าวได้ว่าการกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง รมต. ก็ดี หรือถวายคำแนะนำให้ยุบสภาก็ดี เป็นเรื่องของของนรม. ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากสภาให้เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารโดยแท้
ถ้า นรม. พ้นจากตำแหน่ง รนม. รักษาราชการแทน นรม. จะมีอำนาจเช่นนั้นหรือไม่ ต้องทราบว่าถ้า นรม. พ้นจากตำแหน่งไปไม่ว่าด้วยเหตุใด ผลคือคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ และรัฐธรรมนูญบัญญัติรองรับไว้ว่า เมื่อ ครม. พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ให้ดำเนินการเพื่อให้มี ครม .ขึ้นใหม่
implication จึงชัดเจนว่าสภาต้องดำเนินการเพื่อให้มีการเลือกครม. ใหม่ขึ้น
ดังนั้น จึงต้องมีสภาอยู่เพื่อดำเนินการดังกล่าว เป็นบทบังคับที่ต้องดำเนินการ สภาจึงไม่อาจถูกยุบได้ในห้วงเวลานี้ และถึงอยากจะทำก็ทำไม่ได้ เพราะไม่มีความชอบธรรมที่จะทำดังกล่าวมาข้างต้น
ถ้า นรม. เกิดป่วยจนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้โดยสิ้นเชิง รนม.รักษาราชการแทน นรม.จะกราบบังคมทูลเพื่อยุบสภาได้ไหม ต้องบอกว่าในระบบความไว้วางใจนั้น ถ้าผู้ซึ่งสภาให้ความไว้วางใจปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้โดยสิ้นเชิง สภาก็ต้องเรียกประชุมกันเพื่อถอดถอน
ความไว้วางใจสำหรับท่านเดิม แล้วพิจารณาลงมติกันว่าสมควรไว้วางใจผู้ใดขึ้นแทน เป็นกระบวนการของสภาที่จะต้องปรึกษาหารือตกลงกัน ไม่ใช่กิจของผู้รักษาราชการแทน
ย้ำว่าคำว่า "ไว้วางใจ" ในรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ "แบบ" แต่มันคือ"ระบบ"คณะ และรัฐธรรมนูญบัญญัติรองรับไว้ว่า เมื่อ ครม. พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ให้ดำเนินการเพื่อให้มี ครม .ขึ้นใหม่
implication จึงชัดเจนว่าสภาต้องดำเนินการเพื่อให้มีการเลือกครม. ใหม่ขึ้น
ดังนั้น จึงต้องมีสภาอยู่เพื่อดำเนินการดังกล่าว เป็นบทบังคับที่ต้องดำเนินการ สภาจึงไม่อาจถูกยุบได้ในห้วงเวลานี้ และถึงอยากจะทำก็ทำไม่ได้ เพราะไม่มีความชอบธรรมที่จะทำดังกล่าวมาข้างต้น
ถ้า นรม. เกิดป่วยจนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้โดยสิ้นเชิง รนม.รักษาราชการแทน นรม.จะกราบบังคมทูลเพื่อยุบสภาได้ไหม ต้องบอกว่าในระบบความไว้วางใจนั้น ถ้าผู้ซึ่งสภาให้ความไว้วางใจปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้โดยสิ้นเชิง สภาก็ต้องเรียกประชุมกันเพื่อถอดถอน
ความไว้วางใจสำหรับท่านเดิม แล้วพิจารณาลงมติกันว่าสมควรไว้
วางใจผู้ใดขึ้นแทน เป็นกระบวนการของสภาที่จะต้องปรึกษาหารือตกลงกัน ไม่ใช่กิจของผู้รักษาราชการแทน
ย้ำว่าคำว่า "ไว้วางใจ" ในรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ "แบบ" แต่มันคือ"ระบบ"ที่เขียนมานี้เพียงเพื่ออธิบายหลักการของรัฐธรรมนูญตามความรู้ที่ร่ำเรียนมาเท่านั้น ถ้าอยากรู้ลึกๆ ให้ไปอ่านตำราประวัติศาสตร์ของระบบรัฐสภาแบบ Westminster ดู เอา ตั้งแต่สมัยพระเจ้าGeorge I ที่เริ่มมี Prime Minister คนแรกคือ Sir RobertWhapole (later : 1st Earl of Oxford) ก็wa
มีรายงานว่า หาก นายภูมิธรรม ยื่น พรฎ.ยุบสภา เรื่องอาจไม่จบ อาจจะนำไปสู่การตีความ และนายภูมิธรรม อาจถูกดำเนินคดีทางการเมืองเข้าไปอีก ถือว่ามีความเสี่ยงสูงซ้ำซ้อน
เปิดแนวปฏิบัติทาง ครม.รักษาการ ทำอะไรได้บ้าง ยุบสภาดักทาง ดับฝัน “อนุทิน” นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ได้หรือไม่
30 สิงหาคม 2568 พลันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 ให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กระเด็นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี และยังมีผลให้ ครม.แพทองธารพ้นเก้าอี้ไปด้วย ตกอยู่ในสภาพ ครม.รักษาการ ซึ่งตอนนี้มี นายภูมิธรรม เวชยชัย ทำหน้าที่รักษาการนายกฯ มีการประชุม ครม.นัดพิเศษ ในเช้าวันนี้ คาดหมายว่า จะเป็นการหารือและรับทราบแนวปฏิบัติของ ครม.รักษาการ จากเลขาธิการ ครม.ที่จะมารายงาน
ทั้งนี้ สถานะ ครม.รักษาการ ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เคยมีมาแล้ว ในรัฐบาลเพื่อไทย ในยุคที่ นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งจากมติศาล รธน.เช่นกัน โดยครั้งนั้น “ณัฐฎ์จารี อนันตศิลป์” เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ออกหนังสือเวียน ชี้แจงถึงสถานะของครม.โดยระบุไว้ดังนี้
1. สถานะของคณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
1.1 คณะรัฐมนตรีสิ้นสุดลง แต่ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
(ไม่เรียกว่า รักษาการ และได้รับเงินเดือนแต่ยังไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน)
1.2 คณะรัฐมนตรียังคงมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต่อประเทศเท่าที่จำเป็นทุกประการ กรณีมีสถานการณ์คุกคามความมั่นคงของชาติ ย่อมมีอำนาจหน้าที่ที่จะประกาศมาตรการเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติได้ เช่น ประกาศภาวะฉุกเฉินหรือประกาศ กฎอัยการศึก เป็นต้น
1.3 การลงชื่อตำแหน่งของรัฐมนตรี ยังคงลงชื่อในตำแหน่งเดิม มิใช่เป็นการรักษาการหรือรักษาการในตำแหน่ง
2.หลักการเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี
2.1 เรื่องที่เป็นนโยบายใหม่ซึ่งมีผลผูกพันคณะรัฐนตรีชุดใหม่ ไม่ควรพิจารณา
2.2 เรื่องที่จำเป็น เร่งด่วน หรือเรื่องที่ต่อเนื่องให้พิจารณาดำเนินการเป็นเรื่อง ๆ ไป
ทั้งนี้ ข้าราชการการเมืองที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ผู้แทนการค้าไทยตามระเบียบ
สำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยผู้แทนการค้าไทย พ.ศ.2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และคณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งตามมาตรา 11 (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 /และ ...และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วย ซึ่งหากจะให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ให้ดำเนินการแต่งตั้ง ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย

ศาล รธน.ตัดสินคดีคลิปเสียง แพทองธาร วันนี้



วันที่ 29 สิงหาคม 2568 คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดประชุมเวลา 09.30 น.เพื่อนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จำนวน 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 106 (4) และ (5) หรือไม่



เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร และสมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา

จากนั้นเวลา 15.00 น.องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะออกนั่งบัลลังก์เพื่ออ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟัง ทั้งนี้ คำร้องดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องไว้พิจารณา และมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 เสียงให้ น.ส.แพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ไว้จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย


สำหรับความเคลื่อนไหวของ น.ส.แพทองธาร ว่า วันที่ 29 สิงหาคม ได้มอบทีมทนายความ และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ เป็นตัวแทนเข้ารับฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ



ขณะที่ น.ส.แพทองธารจะเดินทางเข้าทำเนียบฯ เวลาประมาณ 14.00 น.เพื่อติดตามรับชมการถ่ายทอดสดคำวินิจฉัย ที่ห้องประชุมชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า และจัดเตรียมห้องสีม่วงสำหรับรัฐมนตรีที่มาให้กำลังใจ ร่วมรับฟังคำวินิจฉัยไปพร้อมกันด้วย

เลขรัฐบาลไทย โดย "เชียอ๊อด" งวดสิงหาคม – กันยายน 2568



ความเคลื่อนไหวจากแนวทางหวยรัฐบาลไทย ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากเจ้าเก่า “เชียอ๊อด” ที่มักให้เลขเด็ดแม่นยำ ซึ่งในงวดที่ผ่านมา วันที่ 16 สิงหาคม 2568 ได้ให้ตัวเลขดังนี้




เลข 2 ตัว : 56

เลขเม็ดเดียว : 865




ซึ่งปรากฏว่า เลข 865 ออกตรงจริง ทำให้ผู้ติดตามต่างมั่นใจ และเฝ้ารอแนวทางจากเชียอ๊อดในงวดถัดไปอย่างใจจดใจจ่อ




ล่าสุดสำหรับงวดวันที่ 1 กันยายน 2568 ได้มีการเปิดเผยแนวทางเลขพิเศษอีกครั้ง ได้แก่




เลข 2 ตัว : 94

เลขเม็ดเดียว : 394




ถือเป็นตัวเลขที่น่าจับตามอง เนื่องจากงวดก่อนหน้านี้ได้ให้เข้าเป้าตรง ๆ ทำให้หลายคนเชื่อว่าแนวทางใหม่นี้มีโอกาสสูงเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเลข 394 ที่ถูกวางเป็น “เม็ดเดียว” ของงวดนี

อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขจะเป็นเพียงแนวทาง ควรใช้วิจารณญาณในการเสี่ยงโชค และขอให้ทุกท่านโชคดี มีชัย ร่ำรวยไปด้วยกันในงวด 1 กันยายน 2568

ครม.นัดพิเศษ ตั้ง ภูมิธรรม เวชยชัย ทำหน้าที่นายกฯ ชี้ห้ามผูกพันรัฐบาลใหม่



30 สิงหาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ ว่า ที่ประชุมครม.นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี และยังแต่งตั้ง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเลขาธิการนายกฯเดิมก็ได้พ้นจากตำแหน่งไปด้วย


ด้วยสถานการณ์ที่นายกรัฐมนตรีได้พ้นจากตำแหน่งแล้ว คณะรัฐมนตรีจึงต้องดำเนินการรักษาการในตำแหน่งต่อไป จนกว่าจะมีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นมาบริหารประเทศในสถานการณ์เช่นนี้ กฎหมายได้กำหนดแนวทางปฏิบัติไว้อย่างชัดเจนว่า ในกรณีที่ไม่มีนายกฯ และยังมีรองนายกฯ อยู่ ก็ให้ครม.นั้นมีมติแต่งตั้งรองนายกฯท่านใดท่านหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ วันนี้ ครม.จึงมีมติแต่งตั้งรองนายกฯภูมิธรรม เป็นผู้ทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี นายชูศักดิ์ ระบุ


สำหรับหลักปฏิบัติของครม.รักษาการ ที่ประชุมได้มีมติเป็นข้อแนะนำสำหรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่และสำหรับครม.ที่รักษาการอยู่ในขณะนี้ว่า ครม.รักษาการจะทำหน้าที่เหมือนคณะรัฐมนตรีปกติ เพียงแต่ว่าเรื่องใดที่เป็นนโยบายที่อาจจะผูกพันครม.ในอนาคต ขอให้ชะลอไว้ก่อน แต่ว่าถ้าเป็นการจำเป็นเร่งด่วนทั้งหลายทั้งปวง ก็สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติโดยทั่วไป


ทั้งนี้เนื่องจาก ครม.เป็นคณะรักษาการ ข้าราชการทางการเมืองทั้งหมด จึงพ้นจากตำแหน่งตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี เลขานุการรัฐมนตรี หรือผู้ช่วยรัฐมนตรีทั้งหลาย ล้วนแต่พ้นจากตำแหน่งไปด้วยทั้งสิ้น
สำหรับตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีและเลขานุการรัฐมนตรีประจำกระทรวงต่าง ๆ เป็นคนแต่งตั้งของรัฐมนตรีประจำกระทรวง จึงยังคงทำหน้าที่ต่อไป หากในกรณีที่ผู้ทำหน้าที่แทนนายกฯเห็นว่าเป็นความจำเป็น ก็อาจเสนอแต่งตั้งมาเป็นการชั่วคราวได้


ส่วนประเด็นเรื่องการยุบสภานั้น ไม่ได้มีการหารือกันในการประชุมครั้งนี้ เพราะมีการหารือเฉพาะเรื่องที่มีความจำเป็นต้องทำในขณะนี้เท่านั้น


ในส่วนของความเห็นทางกฎหมาย อาจมีผู้เชี่ยวชาญที่มีความเห็นแตกต่างกัน แต่ในขณะนี้กำลังมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีกันอยู่ จึงยังไม่ควรไปพูดถึงเรื่องการยุบสภาหรืออะไรต่างๆ ควรให้ดำเนินการจัดตั้งให้สำเร็จไปก่อน หากไม่สำเร็จจึงค่อยว่ากันอีกที


เลขพิเศษ งวด 1 กันยายน 2568

สำหรับงวดวันที่ 1 กันยายน 2568 ได้มีการเปิดเผยแนวทาง “เลขพิเศษ” ที่หลายคนรอคอย โดยครั้งนี้ได้ให้ตัวเลขที่น่าสนใจทั้งเลข 3 ตัวบน และเลข 2 ตัวล่าง ดังนี้






🔹 เลข 3 ตัวบน
025 – 027 – 029
562 – 564 – 566


🔹 เลข 2 ตัวล่าง
43 – 44 – 45
70 – 71 – 72


จากการวิเคราะห์ แนวทางชุดนี้ถือว่ามีความหลากหลาย ทั้งเลขเรียงและเลขเบิ้ล ทำให้คอหวยจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเลข 025 – 029 ที่มาในรูปแบบชุดต่อเนื่อง และเลข 562 – 566 ที่เป็นกลุ่มเดียวกันอย่างลงตัว ขณะที่เลขสองตัวล่างก็มีทั้งเลข 43 – 45 และชุดเลข 70 – 72 ซึ่งถือเป็นแนวทางที่ไม่ควรมองข้าม

เลขพิเศษ งวดสิงหาคม – กันยายน 2568

ในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการเผยแพร่ “เลขพิเศษ” ที่สร้างความสนใจให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ได้มีการบอกใบ้ตัวเลขเด่นดังนี้


เลข 3 ตัว : 568, 865


เลข 2 ตัว : 63, 66, 69


ต่อมาเมื่อผลสลากกินแบ่งรัฐบาลออกมา พบว่า 865 ตรงกับรางวัลจริง ทำให้ผู้ติดตามหลายคนต่างเชื่อมั่นและรอคอยตัวเลขใหม่ในงวดถัดไปด้วยความหวัง


สำหรับงวดวันที่ 1 กันยายน 2568 ได้มีการเผยเลขพิเศษอีกครั้ง โดยเน้นไปที่


เลข 3 ตัว : 427, 724


เลข 2 ตัว : 80, 81, 82


การเปิดเผยเลขในครั้งนี้ ได้สร้างกระแสความคาดหวังอย่างมาก โดยเฉพาะเลขเด่นอย่าง 427 และ 724 รวมถึงเลข 2 ตัวอย่าง 80–82 ซึ่งหลายคนมองว่ามีโอกาสสูง เนื่องจากตัวเลขในงวดก่อนหน้านี้ได้ออกตรงจริงมาแล้ว

เลขหวยโชคดีใหม่! 01/09/2568

กาลครั้งเมื่อเดือน สิงหาคม 2568 ได้มีการเผยแพร่แนวทางเลข 3 ตัวบน ซึ่งประกอบไปด้วย 824, 865, 627 และ 854 โดยเฉพาะเลข 865 ที่ถูกวงกลมเน้นให้เห็นอย่างชัดเจน และผลปรากฏว่าเป็นเลขที่ออกตรงกับสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดนั้นจริง ๆ




เมื่อก้าวเข้าสู่เดือน กันยายน 2568 ก็ได้มีการให้แนวทางเลขใหม่ต่อเนื่องทันที เลขที่ถูกระบุไว้ในกรอบมีทั้งหมด 4 ชุด ได้แก่ 743, 407, 318 และ 267 ซึ่งถูกนำเสนออย่างเป็นระเบียบและชัดเจน เพื่อให้ผู้ติดตามได้ใช้เป็นข้อมูลสำหรับการพิจารณาในงวดถัดไป




จากภาพรวมนี้ จะเห็นได้ว่ามีการเชื่อมโยงตัวเลขจากงวดก่อนที่ให้ผลแม่นยำ มาสู่งวดใหม่ที่น่าจับตามอง ทำให้หลายคนเกิดความสนใจและคาดหวังว่า เลขที่ถูกหยิบยกขึ้นมาในครั้งนี้ อาจจะเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญของเดือนกันยายนก็เป็นได้