ข่าวด่วน!! ข่าวเศร้ายืนยันการเสียชีวิตของ… ดูเพิ่มเติม!!



เมื่อเวลา 03.25 น. วันที่ 13 ธันวาคม 2568 เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ กระบะชนกับรถยนต์เก๋ง บริเวณ แยกมาบข่า บนถนนสาย 36 ตำบลมาบข่า อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก รวมทั้งสิ้น 7 ราย แบ่งเป็น ชาย 3 ราย และหญิง 4 ราย โดยแรงชนทำให้รถทั้งสองคันได้รับความเสียหาย และมีผู้บาดเจ็บติดอยู่ภายในรถบางส่วน สร้างความแตกตื่นให้กับผู้ใช้ถนนที่ผ่านไปมาในช่วงเวลาดังกล่าว

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ชีพจาก โรงพยาบาลนิคมพัฒนา พร้อมด้วย อาสาสมัครกู้ภัยสยามระยอง ได้เร่งเข้าพื้นที่ให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอย่างเร่งด่วน ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนลำเลียงส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงเพื่อรับการรักษา โดยเจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรบางช่องทางชั่วคราว เพื่ออำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ รวมถึงจัดการรถที่ประสบอุบัติเหตุออกจากผิวการจราจร



เบื้องต้นยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งคาดว่าอาจเกิดจากทัศนวิสัยในการขับขี่ช่วงกลางคืน ความเร็ว หรือการไม่ชะลอรถบริเวณทางแยก ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบพยานแวดล้อมและสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องอย่างละเอียด เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป พร้อมทั้งฝากเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนให้เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะบริเวณทางแยกและถนนสายหลักในช่วงเวลากลางคืน

ฝูงม้าวิ่งตัดหน้าเก๋งเบนกไม่ทันชนดับ 2 บาดเจ็บเพียบ



เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 13 ธ.ค.68 ร.ต.อ. เสนาะ เทพอาจ ร้อยเวร สภ.บางแพ อ.บางแพ จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุ รถยนต์เก๋งชนม้า เสียชีวิตหลายราย เหตุเกิดบริเวณ ถนนเพชรเกษม หมู่ 1 ต.วังเย็น อ.บางแพ หลังรับ


แจ้งจึงรายงานให้ พ.ต.อ.สมมาตร จันทรัตน์ ผู้กำกับการ สภ.บางแพ ได้รับทราบก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิรวมใจการกุศลราชบุรี ในที่เกิดเหตุ พบม้าเสียชีวิตอยู่กลางถนนจํานวน 2 ตัว และยังมีม้าที่ได้รับบาดเจ็บอีก 3 ตัว นอกจากนี้ยังพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ ฮอนด้า ซิตี้ สีบอร์น หมายเลขทะเบียน 2 กค


9168 กทม. สภาพ หน้ารถพังยับ โดยมีนาย ทรรศ ชัยรัตน์ อายุ 66 ปี เจ้าของรถยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ด้วยอาการตกใจ ต่อมาได้มีนางสุวิชยา น้อยคําศิลป์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119 หมู่ 2 ต.วังเย็น อ.บางแพ ซึ่งเป็น


เจ้าของคอกม้าอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวได้มาแสดงตัว เป็นเจ้าของม้าที่ตายและได้รับบาดเจ็บ ก็บอกว่าฝูงม้าได้หลุดคอกออกมาและน่าจะเดินขึ้นมาจากข้างถนนจนมาถูกรถชนดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการลงบันทึกไว้และให้ทำการนำม้าที่ได้รับบาดเจ็บกลับไปรักษาส่วนม้าที่ตายก็ให้ทางเจ้าของได้ดำเนินการ หลังจากนั้นก็จะเชิญตัวเจ้าของม้าไปสอบปากคำเพื่อดำเนินการต่อไปด้วย

จากการสอบถามนายทรรศ ผู้ขับขี่รถยนต์เก๋งก็ให้การว่าขณะกําลังขับรถเข้าตัวเมืองราชบุรี จู่ๆ ก็มีฝูงม้า โผล่ขึ้นมาจากข้างทางวิ่งตัดหน้ารถอย่างกะทันหันในระยะกระชั้นชิด ทําให้เบรครถไม่ทัน ทำให้พุ่งชนอย่างจังจนม้ากระเด็นไปตายและบาดเจ็บ ส่วนรถก็พังยับ

นอกจากนี้ยังมีผู้เฟสบุ๊คชื่อ จ๊อบ อย่าเยอะ ได้นำคลิปจากกล้องวงจรปิดหน้ารถ ขึ้นมาโพสต์ โดยเป็นคลิป ภาพเหตุการณ์ ขณะที่ม้าวิ่งขึ้นมาตัดหน้า รถเก๋ง จนทำให้ถูกชนจนม้ากระเด็นไปหลายตัว ซึ่ง เจ้าหน้าที่จะได้นําคลิปภาพดังกล่าวไปเป็นหลักฐานด้วย

กรมอุตุฯ ประกาศฉบับที่ 20 เตือน 9 จังหวัด รับมือฝนตกหนัก



วันที่ 13 ธ.ค. 68 กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 20 (393/2568) เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 16 ธันวาคม 2568)

ช่วงวันที่ 14-16 ธ.ค. 68 ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกหนักหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น

สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตรบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามัน ห่างฝั่งมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร



ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่ง

อนึ่ง ประเทศไทยตอนบนมีอากาศแปรปรวน โดยมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางแห่งในวันที่ 13 ธ.ค. 68 เนื่องจากมีลมตะวันออกพัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส โดยมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนจะแผ่ปกคลุมประเทศไทย ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร
จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ประกาศ ณ วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2568 เวลา 17.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไปในวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2568 เวลา 23.00 น.

อุบัติเหตุสลดที่กาฬสินธุ์ วัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ชนกัน เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย



เมื่อเวลา 18.50 น. ของวันที่ 11 ธันวาคม 2568 ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินในพื้นที่อำเภอดอนจาน จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถจักรยานยนต์บนถนนเส้นบ้านหนองแวงแสน ซึ่งเป็นเส้นทางที่ชาวบ้านใช้สัญจรเป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงเวลาหลังเลิกเรียนและหลังเลิกงานที่มีการจราจรค่อนข้างหนาแน่น

เมื่อเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ พบภาพเหตุการณ์ที่น่าสลดใจ โดยผู้เสียชีวิตเป็นชายวัยรุ่นอายุประมาณ 15–16 ปี นอนอยู่กลางถนนในสภาพหมดสติและไม่พบสัญญาณชีพ คาดว่าเสียชีวิตทันทีจากแรงกระแทกอย่างรุนแรงที่เกิดจากการชน ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่พบผู้บาดเจ็บอีกหนึ่งราย ซึ่งเป็นวัยรุ่นเช่นเดียวกัน อยู่ในสภาพหมดสติและได้รับบาดเจ็บหลายแห่งทั่วร่างกาย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งให้การช่วยเหลือเบื้องต้น ทั้งการประเมินอาการ การดามคอ และควบคุมเลือด ก่อนรีบนำส่งโรงพยาบาลประจำพื้นที่เพื่อรับการรักษาอย่างเร่งด่วน

บริเวณโดยรอบมีชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงจำนวนหนึ่งเข้ามาดูเหตุการณ์ด้วยความตกใจและเศร้าเสียใจ เนื่องจากผู้ประสบเหตุทั้งสองรายเป็นเยาวชนในชุมชนที่หลายคนรู้จักกันดี อุบัติเหตุครั้งนี้จึงสร้างความสะเทือนใจให้แก่ผู้ปกครองและคนในพื้นที่อย่างมาก

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบสภาพรถ ร่องรอยการชน สภาพถนน รวมถึงสอบถามพยานในที่เกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงว่ามาจากความประมาทของผู้ขับขี่ หรือมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ความมืดของเส้นทาง ความลื่นของถนน หรือการใช้ความเร็วเกินกำหนด ซึ่งต้องรอผลการสอบสวนเพิ่มเติมอย่างละเอียดต่อไป

เจ้าหน้าที่และอาสากู้ภัยได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต พร้อมฝากเตือนไปยังประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนให้เพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเย็นหรือกลางคืน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้ขึ้นอีก

ด่วน! รถกระบะชนท้ายรถบัส เขาย้อย… ดูเพิ่มเติม!!



เมื่อเวลา 04.20 น. วันที่ 11 ธันวาคม 2568 เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุอุบัติเหตุบริเวณ จุดกลับรถหน้าโรงงานพัฒน์กล ถนนเพชรเกษม ขาล่องใต้ กม.128+800 ตำบลห้วยโรง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี จึงได้สั่งการให้ สายตรวจบางเค็ม 01 สภ.เขาย้อย รีบเดินทางเข้าตรวจสอบพื้นที่ทันที

เมื่อถึงที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นอุบัติเหตุระหว่าง รถกระบะคอกบรรทุกสินค้า ซึ่งกำลังวิ่งมาตามช่องทางหลัก ได้ชนเข้าที่ ท้ายรถบัสรับ–ส่งพนักงานของโรงงาน ที่กำลังชะลอความเร็วเพื่อเตรียมกลับรถ โดยแรงปะทะทำให้ส่วนหน้ารถกระบะเสียหายหนัก

หลังการชน รถกระบะได้เสียหลักพุ่งไปกระแทก เสาไฟส่องสว่างริมทาง จนเสาเอียงและเกิดความเสียหายเพิ่มเติม ส่วนตัวรถบัสมีร่องรอยบุบที่ท้ายรถอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังสามารถขับเคลื่อนได้

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่า ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งสองฝ่าย โดยในรถบัสไม่มีพนักงานโดยสารอยู่ในขณะเกิดเหตุ มีเพียงคนขับที่รอจังหวะกลับรถเท่านั้น ทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีการสูญเสียชีวิตหรือทรัพย์สินของบุคคลอื่นนอกจากตัวรถและเสาไฟฟ้า

หลังควบคุมพื้นที่ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ ร้อยเวร 30 เข้าทำการตรวจสอบและบันทึกเหตุการณ์เพิ่มเติม พร้อมรวบรวมข้อมูลจากพยานบริเวณใกล้เคียง เพื่อใช้ประกอบการวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริง โดยคาดว่าอาจเกิดจากทัศนวิสัยจำกัดในช่วงเช้ามืด รวมถึงการขับขี่ด้วยความเร็วในบริเวณใกล้จุดกลับรถ

เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียด และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณามาตรการป้องกันอุบัติเหตุในจุดดังกล่าวซึ่งเคยเกิดเหตุซ้ำหลายครั้ง

อุบัติเหตุสลดยามเช้า รถจักรยานยนต์ประสานงากระบะ หน้าปั๊มพีที เกาะแก้ว อ.ศรีเทพ ชายวัย 68 ปีเสียชีวิตคาที่

เมื่อเวลา ประมาณ 05.00 น. ของวันที่ 11 ธันวาคม 2568 หน่วยกู้ภัยกกไทร ศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งเหตุอุบัติเหตุรถชน หรือ ว.40 จากประชาชนผู้พบเห็นเหตุการณ์ บริเวณด้านหน้า ปั๊มน้ำมันพีที สาขาเกาะแก้ว ตำบลเกาะแก้ว อำเภอศรีเทพ จึงเร่งจัดกำลังอาสาสมัครพร้อมอุปกรณ์กู้ภัยเดินทางเข้าตรวจสอบอย่างเร่งด่วน


เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นอุบัติเหตุระหว่าง รถจักรยานยนต์ชนกับรถกระบะ อยู่กลางช่องทางสัญจร หน่วยกู้ภัยได้ทำการประเมินสถานการณ์ พบผู้บาดเจ็บเป็นชายวัยสูงอายุ นอนอยู่ริมไหล่ทางในสภาพได้รับบาดเจ็บสาหัส อาสากู้ภัยพยายามให้การช่วยเหลือ แต่พบว่าผู้บาดเจ็บ ไม่มีชีพจรและหยุดหายใจ ก่อนถึงขั้นประกาศเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ทราบภายหลังว่าเป็นชายไทย อายุ 68 ปี


บริเวณจุดเกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำได้รับความเสียหายอย่างมาก ส่วนรถกระบะคู่กรณีจอดอยู่ไม่ไกลนัก โดยมีร่องรอยการชนที่ด้านหน้ารถ เจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บหลักฐาน ทั้งภาพถ่าย พยานแวดล้อม รวมถึงสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อประกอบข้อมูลในการตรวจสอบเชิงลึกถึงสาเหตุของอุบัติเหตุ


หลังจากตรวจสอบสภาพศพและพื้นที่โดยรอบ หน่วยกู้ภัยได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตส่งไปยัง วัดเกาะแก้ว เพื่อให้ญาติดำเนินการประกอบพิธีทางศาสนาและบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ศรีเทพ จะทำการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องรวมถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณดังกล่าว เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุครั้งนี้


เหตุการณ์นี้นับเป็นอีกหนึ่งกรณีที่สะท้อนถึงความสำคัญของการขับขี่อย่างระมัดระวังในช่วงเช้ามืด ซึ่งเป็นช่วงที่ทัศนวิสัยต่ำและผู้ใช้ถนนบางรายอาจมีอาการอ่อนล้าจากการเดินทาง ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องย้ำเตือนให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อใช้เส้นทางยามค่ำคืนและเช้าตรู่ เพื่อป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ข่าวด่วน!! ข่าวเศร้ายืนยันการเสียชีวิตของ… ดูเพิ่มเติม!!



รถบรรทุก 6ล้อกลับรถเก๋งซิ่งพุ่งชนเต็มเเรงอัดก๊อปปี้เจ็บสาหัสคลิปวีดีโอกล้องหน้ารถพลเมืองดีเห็น วินาทีเก๋งพุ่งชนท้าย6ล้อที่เลี้ยวกลับรถ



เมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 10 ธ.ค.68 พ.ต.ต.พลาญชัย ชัยชนะ สารวัตรเวร สภ.เมืองราชบุรี ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถเก็งชนอัดกับรถ6ล้อ บริเวณยูเทรินกลับรถ ถนนเพรชเกษม อ.เมืองราชบุรี จึงแจ้งเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชานุกูล ตรวจสอบในจุดเกิดเหตุ ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งMitsubishi Lancer สีเทาทะเบียน กง 6480 ลพบุรีพุ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บอัดติดอยู่ในรถเจ้าหน้าที่จึงประสานนำอุปกรณ์ตัดถ่างเข้าช่วยเหลือ ใช้เวลาเกือบ 20 นาทีจึงสามารถนำผู้บาดเจ็บออกมาจากตัวรถอาการสาหะสก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลราชบุรีอย่างเร่งด่วนใกล้กันพบรถ6ล้อบรรทุกขนส่งแห่งหนึ่ง ทะเบียน 74-3620 สมุทรปราการ โดยคนขับยืนรอเจ้าหน้าอยู่


พลเมืองสามารถบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้โดยคลิปวีดีโอ ซึ่งเป็นภาพจากกล้องหน้ารถวินาที ขณะเกิดอุบัติเหตุซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รถ6ล้อกำลังกลับรถตรงยูเทรินแต่กลับไม่พ้นและกำลังถอยหลังจู่ๆมีรถเก๋งมาด้วยความเร็วพุ่งชนท้าย


รถ6ล้อเข้าอย่างจังจน เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสติดภายในรถเก๋ง 1 รายเป็นชายอายุประมาณ 40 ปีก่อนที่เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฯ และพลเมืองดีที่ผ่านมาเห็นเหตุการณ์ ได้ช่วยกันงัดซากรถเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้งคู่ที่ติดอยู่ภายใน นำส่งโรงพยาบาล เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจร้อยเวรจะทำการสอบสวนอีกครั้งเพื่อดำเนินคดีทางกฏหมายต่อไป

ข่าวด่วน!! ข่าวเศร้ายืนยันการเสียชีวิตของ… ดูเพิ่มเติม!!



ด่วน! หกล้อโผล่พ้นลานมันตัดหน้า จยย.ซ้อน 2 พุ่งชนสนั่น เด็ก 13 ดับคาที่ เพื่อนสาหัส โชเฟอร์อาศัยช่วงชุลมุนขับรถหลบหนี


เกิดอุบัติเหตุสลดรถจักรยานยนต์ซ้อน 2 ขี่มาด้วยความเร็ว พุ่งชนรถบรรทุก 6 ล้อที่กำลังเลี้ยวออกจากลานมันอย่างจัง ส่งผลให้เด็กวัย 13 ปี เสียชีวิตคาที่ เพื่อนที่มาด้วยกันบาดเจ็บสาหัส ส่วนคนขับรถบรรทุกขับรถหลบหนี ตำรวจเร่งไล่ล่าตัว


เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 10 ธันวาคม 2568 พ.ต.ท.อุทัย พันธ์ทอง สว.(สอบสวน) สภ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ได้รับแจ้งเหตุอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกันรุนแรง มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ บนถนนสายบ้านดงมูล ต.ดงมูล – บ้านศรีสว่าง ต.หนองบัว อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ บริเวณหน้าลานรับซื้อหัวมันสำปะหลัง "ส.กาฬสินธุ์" หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย หน่วยกู้ชีพร่วมใจกาฬสินธุ์สงเคราะห์ จุดหนองกุงศรี และแพทย์เวร รพ.หนองกุงศรี


ในที่เกิดเหตุกลางถนนพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ใกล้กันพบศพผู้เสียชีวิต ทราบชื่อต่อมาคือ เด็กชายณัฐพัฒน์ อัศวภูมิ หรือ น้องโอม อายุ 13 ปี ชาวหนองหิน อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ สภาพศพนอนจมกองเลือด กะโหลกศีรษะแตกจากการกระแทกพื้นอย่างรุนแรง และขาหักผิดรูป นอกจากนี้ยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นชายอีก 1 ราย ทราบชื่อคือ เด็กชายจิรภัทร ภูจอมขำ อายุ 14 ปีเจ้าหน้าที่กู้ชีพเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำตัวส่ง รพ.หนองกุงศรีอย่างเร่งด่วนส่วน คนขับรถบรรทุก 6 ล้อสีขาว คู่กรณี ไม่พบตัวในที่เกิดเหตุ โดยอาศัยช่วงชุลมุนหลังเกิดเหตุขับรถหลบหนีไป




จากการสอบสวนพยานผู้เห็นเหตุการณ์ ให้การว่า รถจักรยานยนต์ของผู้ตายได้ขับขี่มาตามทางตรง มุ่งหน้ามาจากบ้านดงมูล โดยมีการ นั่งซ้อนท้ายกันมาถึง 2 คน และขับขี่มาด้วยความเร็วสูง เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นหน้าลานมัน รถบรรทุก 6 ล้อคู่กรณีได้ขับพุ่งออกมาจากลานมันเพื่อจะขึ้นถนนหลัก โดยตัวรถได้โผล่ออกมาขวางถนนไปแล้วครึ่งคัน ทำให้รถจักรยานยนต์ที่มาทางตรงไม่สามารถเบรกหรือหักหลบได้ทัน จึงพุ่งเข้าชนบริเวณด้านข้างของรถ 6 ล้ออย่างจังเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เป็นเหตุให้เด็กชายณัฐพัฒน์ เสียชีวิตทันที ส่วนเพื่อนกระเด็นตกจากรถได้รับบาดเจ็บ


เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้ทำการบันทึกภาพที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน และจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียง เพื่อติดตามตัวคู่กรณีมาสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

กระบะชนประสานงากัน บนถนนเชียงราย-เทิง เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 3 ราย



เวลา 20.40 น. วันที่ 9 ธ.ค. 68 ร.ต.ท.ธรรมราช อุ่นเรือน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองเชียงราย พนักงานสอบสวนเวร ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์กระบะ 2 คัน ชนประสานงาอย่างรุนแรงบนถนนเชียงราย-เทิง พื้นที่บ้านร่องเบ้อ ม.9 ต.ห้วยสัก อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย มีผู้บาดเจ็บและติดอยู่ภายในรถเป็นจำนวนมาก จึงรีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับแพทย์เวร รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ รพ.เชียงรายราม สมาคมกู้ชีพธรรมนันท์ เชียงราย มูลนิธิสยามเชียงราย




สมาคมศิริกรณ์เชียงรายบรรเทาสาธารณภัย มูลนิธิแสงธรรมสาธารณกุศลเชียงราย กู้ชีพเทศบาลตำบลห้วยสัก กู้ชีพเทศบาลตำบลดอยลาน ตำรวจประจำป้อมยามตำรวจตำบลห้วยสัก ทีมเฝ้าระวังและตอบโต้ภัยพิบัติจังหวัดเชียงราย และเจ้าหน้าที่จากแขวงการทางเชียงราย



ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนหมายเลข 1020 เชียงราย-เทิง ก่อนถึงแคมป์คนงานการทางหลวง บ้านร่องเบ้อ ม.9 ต.ห้วยสัก อ.เมืองเชียงราย พบรถกระบะโตโยต้า สีดำ ทะเบียน เชียงราย ที่มีนายลูกา (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี เป็นผู้ขับขี่ ได้รับบาดเจ็บ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล​ส่วนรถคู่กรณีคือ กระบะโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน อุตรดิตถ์ ซึ่งยังไม่




ทราบผู้ขับขี่ มีผู้โดยสารรวม 5 ราย เสียชีวิตทันที 1 ราย และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 2 ราย หนึ่งในนั้นคือ นายปพน (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี ที่อยู่ ต.นาโบสถ์ อ.วังเจ้า จ.ตาก ขณะที่ผู้โดยสารที่เหลือ 2 รายได้รับบาดเจ็บ


​เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทราบว่ารถทั้งสองคันขับสวนทางกัน โดยรถของนายลูกามุ่งหน้าจากแยกห้วยสักมุ่งหน้าไปทาง อ.เทิง ส่วนคู่กรณีมุ่งหน้าจากแยกจำบอนมุ่งหน้าไปทางตัวเมืองเชียงราย ทั้งนี้ รถได้รับความเสียหายหนักบริเวณด้านหน้าทางซ้าย


​แพทย์นิติเวชระบุสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นจากอาการบาดเจ็บทางจราจร โดยขณะนี้ศพถูกส่งไปผ่าชันสูตรเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และทางตำรวจจะเร่งสอบสวนพยานและรวบรวมหลักฐานเพื่อสรุปสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ต่อไป